ทำอย่างไรเมื่อลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์
คดีล้มละลาย เมื่อลูกหนี้ถูกฟ้องคดี ศาลจะทำการสืบพยานหลักฐานให้ได้ความจริง และศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพยเด็ดขาดลูกหนี้
ผลของคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ถือว่าเป็นการเริ่มต้นของคดีล้มละลาย ศาลจะยังไม่พิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายในทันที ซึ่งในกรณีดังกล่าวนี้ลูกหนี้ที่รับราชการยังไม่ขาดคุณสมบัติการเป็นข้าราชการ และยังคงรับราชการต่อไปจนกว่าศาลจะพิพากษาให้ล้มละลาย
สิ่งที่ลูกหนี้ต้องปฏิบัติ : ติดต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
-เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมีหมายเรียกหรือหมายนัดให้ไปพบเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
-นำหมายนัดไปพบเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามกำหนดวันเวลาที่ระบุในหมายโดยเคร่งครัด
-นำบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้โดยมีรูปกำกับหรือสำเนาทะเบียนบ้านไปด้วยทุกครั้ง
สิทธิและหน้าที่ของลูกหนี้
1. ต้องไปสาบานตัวและให้ถ้อยคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สิน พร้อมทำบัญชีแสดงกิจการและทรัพย์สิน
2. ต้องส่งมอบทรัพย์สิน บัญชี และดวงตราห้างฯ หรือบริษัท และเอกสารต่าง ๆ ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
3. ขอประนอมหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันยื่นคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สิน หรือภายในเวลาตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดให้ หรือขอประนอมหนี้ภายหลังล้มละลายในเวลาที่กำหนด
4. ไปประชุมเจ้าหนี้ทุกครั้งเมื่อได้รับแจ้งกำหนดวันนัดจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
5. ไปให้ศาลไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผย เมื่อได้รับแจ้งวันกำหนดนัดจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
6. ทำบัญชีรับ-จ่ายทุก 6 เดือน นับแต่ถูกศาลพิทักษ์ทรัพย์
7. แจ้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทุกครั้งเมื่อย้ายที่อยู่ใหม่
8. การเดินทางออกนอกราชอาณาจักรต้องขออนุญาตจากศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามความจำเป็นและสมควรแก่ฐานะ
9. ขอค่าเลี้ยงชีพจากเงินที่ได้มาระหว่างถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามความจำเป็นและสมควร
10. อาจขอให้ปลดตนเองจากการล้มละลาย หรือยกเลิกการล้มละลายตามวิธีการและเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
11. รับเงินหรือทรัพยสินที่เหลือคืนเมื่อหลุดพ้นจากการล้มละลาย
*โดยสรุป เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ อำนาจในการจัดการทรัพย์สินต่าง ๆ ของลูกหนี้ ตกอยู่ในความดูแลของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว
ข้อจำกัดสิทธิหน้าที่ของลูกหนี้
1. ห้ามกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับกิจการและทรัพยสิน เว้นแต่กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
2. ห้ามดำเนินคดีเกี่ยวกับทรัพย์สิน
3. การเดินทางออกนอกราชอาณาจักรต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
4. การรับสินเชื่อจากบุคคลอื่นตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ต้องแจ้งให้บุคคลนั้นทราบว่าตนถูกพิทักษ์ทรัพย์หรือตกเป็นบุคคลล้มละลาย
ลูกหนี้จะหลุดพ้นจากการล้มละลายได้อย่างไรบ้าง
1. ขอประนอมหนี้ ลูกหนี้อาจขอประนอมหนี้ได้ 2 ช่วง คือ
1.1 การประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย ลูกหนี้อาจยื่นคำขอประนอมหนี้เป็นหนังสือ โดยยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันยื่นคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สิน หรือภายในเวลาตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดให้ ซึ่งในคำขอประนอมหนี้ต้องแสดงข้อความแห่งการประนอมหนี้หรือวิธีการจัดการกิจการและทรัพย์สิน และรายละเอียดแห่งหลักประกันหรือผู้ค้ำประกัน (ถ้ามี)
1.2 การประนอมหนี้หลังล้มละลาย ลูกหนี้มีสิทธิขอประนอมหนี้ภายหลังที่ศาลพิพากษาให้ล้มละลายแล้วได้อีก แต่ถ้าลูกหนี้ได้เคยขอประนอมหนี้ไม่เป็นผลการแล้ว ห้ามมิให้ลูกหนี้ขอประนอมหนี้ภายในกำหนด 6 เดือน นับแต่วันที่การขอประนอมหนี้ครั้งสุดท้ายไม่เป็นผล
ในการพิจารณาคำขอประนอมหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะเรียกประชุมเจ้าหนี้เพื่อปรึกษาลงมติพิเศษว่าจะยอมรับคำขอประนอมหนี้หรือไม่ และเมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติพิเศษยอมรับคำขอประนอมหนี้แล้ว ลูกหนี้หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจขอต่อศาล เพื่อให้ศาลเห็นชอบด้วยคำขอประนอมหนี้นั้น
กรณีที่ศาลพิจารณาแล้วไม่เห็นชอบด้วยกับคำขอประนอมหนี้ ศาลจะพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย และแจ้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
กรณีที่ศาลพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วยกับคำขอประนอมหนี้ ศาลจะสั่งยกเลิกการล้มละลายและให้ลูกหนี้กลับมีอำนาจจัดการทรัพย์สินของตน และแจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โฆษณาคำสั่งในราชกิจจานุเบกษาและในหนังสือพิมพ์รายวันไม่น้อยกว่า 1 ฉบับ ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง
ข้อพึงระวัง
ในกรณีที่ลูกหนี้ไม่ไปศาลเพื่อไต่สวนโดยเปิดเผย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะแถลงขอให้ศาลออกหมายจับลูกหนี้และขอให้งดการไต่สวน โดยถือว่าลูกหนี้ไม่ติดใจในการประนอมหนี้และพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายต่อไป
ในกรณีที่ลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามข้อประนอมหนี้หรือผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ตกลงไว้ในการประนอมหนี้ ศาลจะมีคำสั่งยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายตามมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483
2. การปลดจากล้มละลาย
เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว บุคคลล้มละลายอาจได้รับการปลดจากการล้มละลายได้ 2 กรณี
2.1 ศาลมีคำสั่งปลดจากการล้มละลายตามมาตรา 71 ให้ศาลมีคำสั่งปลดจากล้มละลายเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า
2.1.1 ได้แบ่งทรัพย์สินชำระให้แก่เจ้าหนี้ที่ได้ขอรับชำระหนี้ไว้แล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และ
2.1.2 ไม่เป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
2.2 เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 81/1 กฎหมายบัญญัติให้บุคคลธรรมดาซึ่งศาลพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว ให้ปลดบุคคลนั้นจากการล้มละลายทันทีที่พ้นกำหนดระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ศาลได้พิพากษาให้ล้มละลาย เว้นแต่
2.2.1 บุคคลนั้นเคยถูกพิพากษาให้ล้มละลายมาก่อนแล้ว และยังไม่พ้นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลได้พิพากษาให้ล้มละลายครั้งก่อนจนถึงวันที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ครั้งหลัง ให้ขยายระยะเวลาเป็น 5 ปี
2.2.2 บุคคลนั้นเป็นบุคคลล้มละลายทุจริตที่ไม่มีลักษณะตามข้อ 2.2.3 ให้ขยายระยะเวลาเป็น 10 ปี เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุผลพิเศษและบุคคลนั้นถูกพิพากษาให้ล้มละลายแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ศาลจะสั่งให้ปลดจากการล้มละลายก่อนครบกำหนด 10 ปี ตามคำขอของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือของบุคคลล้มละลายนั้นก็ได้
2.2.3 บุคคลนั้นเป็นบุคคลล้มละลายอันเนื่องมาจากหรือเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดอันมีลักษณะเป็นการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ให้ขยายระยะเวลาเป็น 10 ปี
ในกรณีที่มีเหตุตามข้อ 2.2.1 , 2.2.2 หรือ 2.2.3 มากกว่าหนึ่งเหตุ ให้ขยายระยะเวลาโดยอาศัยเหตุใดเหตุหนึ่งที่มีระยะเวลาสูงสุดเพียงเหตุเดียว
ผลของการปลดจากการล้มละลายตามมาตรา 71 หรือมาตรา 81/1
1. คำสั่งปลดล้มละลายตามมาตรา 71 หรือการปลดล้มละลายเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา มาตรา 81/1 ทำให้บุคคลล้มละลายหลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงอันพึงขอรับชำระหนี้ได้ เว้นแต่
1.1 หนี้เกี่ยวกับภาษีอากร หรือ
1.2 หนี้ซึ่งเกิดจากการทุจริตฉ้อโกงของบุคคลล้มละลาย หรือหนี้ซึ่งเจ้าหนี้ไม่ได้เรียกร้องเนื่องจากการทุจริตฉ้อโกงซึ่งบุคคลล้มละลายมีส่วนเกี่ยวข้องสมรู้ ตามมาตรา 77 และมาตรา 81/1 วรรคท้าย
2. การปลดจากล้มละลายไม่ทำให้บุคคลซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับบุคคลล้มละลาย หรือรับผิดร่วมกับบุคคลล้มละลาย หรือผู้ค้ำประกันหรืออยู่ในลักษณะอย่างผู้ค้ำประกันของบุคคลผู้ล้มละลายหลุดพ้นจากความรับผิดไปด้วย ตามมาตรา 78 และมาตรา 81/1 วรรคท้าย
ข้อพึงระวังของลูกหนี้
บุคคลล้มละลายที่มิได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการรวบรวมทรัพย์สินโดยไม่มีเหตุสมควร ศาลจะมีคำสั่งหยุดนับระยะเวลาปลดจากล้มละลายตั้งแต่วันที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำขอหรือวันที่ศาลมีคำสั่งจนถึงวันที่ศาลกำหนด โดยจะกำหนดเงื่อนไขหรือไม่ก็ได้ เมื่อรวมระยะเวลาทั้งหมดแล้วจะต้องไม่เกิน 2 ปี
ยกเลิกการล้มละลาย
เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำขอตามมาตรา 135 (1) ถึง (4) ต่อศาล ว่ามีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(1) เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจดำเนินการให้ได้ผลเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย เพราะเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ไม่ช่วยเหลือหรือยอมเสียค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายหรือวางเงินประกัน ตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกร้อง และไม่มีเจ้าหนี้อื่นที่สามารถและเต็มใจกระทำการดังกล่าวภายในกำหนดเวลา 1 เดือน นับแต่วันที่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ขัดขืืน หรือละเลยนั้น
(2) ลูกหนี้ไม่ควรถูกพิพากษาให้ล้มละลาย
(3) หนี้สินของบุคคลล้มละลายได้ชำระเต็มจำนวนแล้ว ถ้าลูกหนี้ปฏิเสธหนี้สินรายใด แต่ลูกหนี้ยอมทำสัญญาและให้ประกันต่อศาลว่าจะใช้เงินให้เต็มจำนวนกับค่าธรรมเนียมด้วยก็ดี หรือถ้าหาตัวเจ้าหนี้ไม่พบแต่ลูกหนี้ได้นำเงินเต็มจำนวนมาวางต่อศาลก็ดี ให้ถือว่าหนี้สินรายนั้นได้ชำระเต็มจำนวนแล้ว
(4) เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้แบ่งทรัพย์ครั้งที่สุดหรือไม่มีทรัพย์สินจะแบ่งให้แก่เจ้าหนี้แล้วต่อแต่นั้นมาภายในกำหนดเวลา 10 ปี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจรวบรวมทรัพย์สินของบุคคลล้มละลายได้อีก และไม่มีเจ้าหนี้มาขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จัดการรวบรวมทรัพยสินของบุคคลล้มละลาย
ผลของคำสั่งยกเลิกการล้มละลาย
1. กรณีที่ศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา 135 (1) และ (2)
1.1 แม้เจ้าหนี้จะไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ ลูกหนี้ก็ไม่หลุดพ้นจากหนี้สินดังกล่าว เนื่องจากกฎหมายมิได้ยกเว้นว่าหนี้ใดจะต้องหลุดพ้นเพราะคำสั่งยกเลิกการล้มละลาย จึงแปลได้ว่าหนี้สินทุกชนิดที่ลูกหนี้มีอยู่ก่อนฟ้องอย่างไร ก็คงเป็นหนี้อยู่เช่นเดิมอย่างนั้น ทำให้เจ้าหนี้มีสิทธินำมาฟ้องบังคับคดีได้ รวมถึงการนำมาขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายใหม่ด้วย
1.2 แม้ว่าทำให้ลูกหนี้ไม่หลุดพ้นจากหนี้สินแต่อย่างใด แต่ถ้าเจ้าหนี้มิได้นำหนี้ดังกล่าวไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ หรือเจ้าหนี้นำหนี้ดังกล่าวไปยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว แต่ได้ถอนคำขอรับชำระหนี้เสีย ต่อมาเจ้าหนี้กลับนำหนี้นั้นมาฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายอีก ศาลเห็นว่ามีเหตุไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายได้ (ดูฎีกาที่ 588/2535)
2. หากเป็นการยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา 135 (3) และ (4) ลูกหนี้ย่อมหลุดพ้นจากหนี้สินทั้งปวง ไม่นำบทบัญญัติมาตรา 77 มาใช้กับการยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา 135 (3) และ (4)
ที่มา เว็บไซต์ศาลล้มละลายกลาง
ผลของคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ถือว่าเป็นการเริ่มต้นของคดีล้มละลาย ศาลจะยังไม่พิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายในทันที ซึ่งในกรณีดังกล่าวนี้ลูกหนี้ที่รับราชการยังไม่ขาดคุณสมบัติการเป็นข้าราชการ และยังคงรับราชการต่อไปจนกว่าศาลจะพิพากษาให้ล้มละลาย
สิ่งที่ลูกหนี้ต้องปฏิบัติ : ติดต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
-เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมีหมายเรียกหรือหมายนัดให้ไปพบเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
-นำหมายนัดไปพบเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามกำหนดวันเวลาที่ระบุในหมายโดยเคร่งครัด
-นำบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้โดยมีรูปกำกับหรือสำเนาทะเบียนบ้านไปด้วยทุกครั้ง
สิทธิและหน้าที่ของลูกหนี้
1. ต้องไปสาบานตัวและให้ถ้อยคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สิน พร้อมทำบัญชีแสดงกิจการและทรัพย์สิน
2. ต้องส่งมอบทรัพย์สิน บัญชี และดวงตราห้างฯ หรือบริษัท และเอกสารต่าง ๆ ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
3. ขอประนอมหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันยื่นคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สิน หรือภายในเวลาตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดให้ หรือขอประนอมหนี้ภายหลังล้มละลายในเวลาที่กำหนด
4. ไปประชุมเจ้าหนี้ทุกครั้งเมื่อได้รับแจ้งกำหนดวันนัดจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
5. ไปให้ศาลไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผย เมื่อได้รับแจ้งวันกำหนดนัดจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
6. ทำบัญชีรับ-จ่ายทุก 6 เดือน นับแต่ถูกศาลพิทักษ์ทรัพย์
7. แจ้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทุกครั้งเมื่อย้ายที่อยู่ใหม่
8. การเดินทางออกนอกราชอาณาจักรต้องขออนุญาตจากศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามความจำเป็นและสมควรแก่ฐานะ
9. ขอค่าเลี้ยงชีพจากเงินที่ได้มาระหว่างถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามความจำเป็นและสมควร
10. อาจขอให้ปลดตนเองจากการล้มละลาย หรือยกเลิกการล้มละลายตามวิธีการและเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
11. รับเงินหรือทรัพยสินที่เหลือคืนเมื่อหลุดพ้นจากการล้มละลาย
*โดยสรุป เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ อำนาจในการจัดการทรัพย์สินต่าง ๆ ของลูกหนี้ ตกอยู่ในความดูแลของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว
ข้อจำกัดสิทธิหน้าที่ของลูกหนี้
1. ห้ามกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับกิจการและทรัพยสิน เว้นแต่กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
2. ห้ามดำเนินคดีเกี่ยวกับทรัพย์สิน
3. การเดินทางออกนอกราชอาณาจักรต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
4. การรับสินเชื่อจากบุคคลอื่นตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ต้องแจ้งให้บุคคลนั้นทราบว่าตนถูกพิทักษ์ทรัพย์หรือตกเป็นบุคคลล้มละลาย
ลูกหนี้จะหลุดพ้นจากการล้มละลายได้อย่างไรบ้าง
1. ขอประนอมหนี้ ลูกหนี้อาจขอประนอมหนี้ได้ 2 ช่วง คือ
1.1 การประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย ลูกหนี้อาจยื่นคำขอประนอมหนี้เป็นหนังสือ โดยยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันยื่นคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สิน หรือภายในเวลาตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดให้ ซึ่งในคำขอประนอมหนี้ต้องแสดงข้อความแห่งการประนอมหนี้หรือวิธีการจัดการกิจการและทรัพย์สิน และรายละเอียดแห่งหลักประกันหรือผู้ค้ำประกัน (ถ้ามี)
1.2 การประนอมหนี้หลังล้มละลาย ลูกหนี้มีสิทธิขอประนอมหนี้ภายหลังที่ศาลพิพากษาให้ล้มละลายแล้วได้อีก แต่ถ้าลูกหนี้ได้เคยขอประนอมหนี้ไม่เป็นผลการแล้ว ห้ามมิให้ลูกหนี้ขอประนอมหนี้ภายในกำหนด 6 เดือน นับแต่วันที่การขอประนอมหนี้ครั้งสุดท้ายไม่เป็นผล
ในการพิจารณาคำขอประนอมหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะเรียกประชุมเจ้าหนี้เพื่อปรึกษาลงมติพิเศษว่าจะยอมรับคำขอประนอมหนี้หรือไม่ และเมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติพิเศษยอมรับคำขอประนอมหนี้แล้ว ลูกหนี้หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจขอต่อศาล เพื่อให้ศาลเห็นชอบด้วยคำขอประนอมหนี้นั้น
กรณีที่ศาลพิจารณาแล้วไม่เห็นชอบด้วยกับคำขอประนอมหนี้ ศาลจะพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย และแจ้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
กรณีที่ศาลพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วยกับคำขอประนอมหนี้ ศาลจะสั่งยกเลิกการล้มละลายและให้ลูกหนี้กลับมีอำนาจจัดการทรัพย์สินของตน และแจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โฆษณาคำสั่งในราชกิจจานุเบกษาและในหนังสือพิมพ์รายวันไม่น้อยกว่า 1 ฉบับ ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง
ข้อพึงระวัง
ในกรณีที่ลูกหนี้ไม่ไปศาลเพื่อไต่สวนโดยเปิดเผย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะแถลงขอให้ศาลออกหมายจับลูกหนี้และขอให้งดการไต่สวน โดยถือว่าลูกหนี้ไม่ติดใจในการประนอมหนี้และพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายต่อไป
ในกรณีที่ลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามข้อประนอมหนี้หรือผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ตกลงไว้ในการประนอมหนี้ ศาลจะมีคำสั่งยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายตามมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483
2. การปลดจากล้มละลาย
เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว บุคคลล้มละลายอาจได้รับการปลดจากการล้มละลายได้ 2 กรณี
2.1 ศาลมีคำสั่งปลดจากการล้มละลายตามมาตรา 71 ให้ศาลมีคำสั่งปลดจากล้มละลายเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า
2.1.1 ได้แบ่งทรัพย์สินชำระให้แก่เจ้าหนี้ที่ได้ขอรับชำระหนี้ไว้แล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และ
2.1.2 ไม่เป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
2.2 เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 81/1 กฎหมายบัญญัติให้บุคคลธรรมดาซึ่งศาลพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว ให้ปลดบุคคลนั้นจากการล้มละลายทันทีที่พ้นกำหนดระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ศาลได้พิพากษาให้ล้มละลาย เว้นแต่
2.2.1 บุคคลนั้นเคยถูกพิพากษาให้ล้มละลายมาก่อนแล้ว และยังไม่พ้นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลได้พิพากษาให้ล้มละลายครั้งก่อนจนถึงวันที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ครั้งหลัง ให้ขยายระยะเวลาเป็น 5 ปี
2.2.2 บุคคลนั้นเป็นบุคคลล้มละลายทุจริตที่ไม่มีลักษณะตามข้อ 2.2.3 ให้ขยายระยะเวลาเป็น 10 ปี เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุผลพิเศษและบุคคลนั้นถูกพิพากษาให้ล้มละลายแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ศาลจะสั่งให้ปลดจากการล้มละลายก่อนครบกำหนด 10 ปี ตามคำขอของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือของบุคคลล้มละลายนั้นก็ได้
2.2.3 บุคคลนั้นเป็นบุคคลล้มละลายอันเนื่องมาจากหรือเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดอันมีลักษณะเป็นการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ให้ขยายระยะเวลาเป็น 10 ปี
ในกรณีที่มีเหตุตามข้อ 2.2.1 , 2.2.2 หรือ 2.2.3 มากกว่าหนึ่งเหตุ ให้ขยายระยะเวลาโดยอาศัยเหตุใดเหตุหนึ่งที่มีระยะเวลาสูงสุดเพียงเหตุเดียว
ผลของการปลดจากการล้มละลายตามมาตรา 71 หรือมาตรา 81/1
1. คำสั่งปลดล้มละลายตามมาตรา 71 หรือการปลดล้มละลายเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา มาตรา 81/1 ทำให้บุคคลล้มละลายหลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงอันพึงขอรับชำระหนี้ได้ เว้นแต่
1.1 หนี้เกี่ยวกับภาษีอากร หรือ
1.2 หนี้ซึ่งเกิดจากการทุจริตฉ้อโกงของบุคคลล้มละลาย หรือหนี้ซึ่งเจ้าหนี้ไม่ได้เรียกร้องเนื่องจากการทุจริตฉ้อโกงซึ่งบุคคลล้มละลายมีส่วนเกี่ยวข้องสมรู้ ตามมาตรา 77 และมาตรา 81/1 วรรคท้าย
2. การปลดจากล้มละลายไม่ทำให้บุคคลซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับบุคคลล้มละลาย หรือรับผิดร่วมกับบุคคลล้มละลาย หรือผู้ค้ำประกันหรืออยู่ในลักษณะอย่างผู้ค้ำประกันของบุคคลผู้ล้มละลายหลุดพ้นจากความรับผิดไปด้วย ตามมาตรา 78 และมาตรา 81/1 วรรคท้าย
ข้อพึงระวังของลูกหนี้
บุคคลล้มละลายที่มิได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการรวบรวมทรัพย์สินโดยไม่มีเหตุสมควร ศาลจะมีคำสั่งหยุดนับระยะเวลาปลดจากล้มละลายตั้งแต่วันที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำขอหรือวันที่ศาลมีคำสั่งจนถึงวันที่ศาลกำหนด โดยจะกำหนดเงื่อนไขหรือไม่ก็ได้ เมื่อรวมระยะเวลาทั้งหมดแล้วจะต้องไม่เกิน 2 ปี
ยกเลิกการล้มละลาย
เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำขอตามมาตรา 135 (1) ถึง (4) ต่อศาล ว่ามีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(1) เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจดำเนินการให้ได้ผลเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย เพราะเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ไม่ช่วยเหลือหรือยอมเสียค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายหรือวางเงินประกัน ตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกร้อง และไม่มีเจ้าหนี้อื่นที่สามารถและเต็มใจกระทำการดังกล่าวภายในกำหนดเวลา 1 เดือน นับแต่วันที่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ขัดขืืน หรือละเลยนั้น
(2) ลูกหนี้ไม่ควรถูกพิพากษาให้ล้มละลาย
(3) หนี้สินของบุคคลล้มละลายได้ชำระเต็มจำนวนแล้ว ถ้าลูกหนี้ปฏิเสธหนี้สินรายใด แต่ลูกหนี้ยอมทำสัญญาและให้ประกันต่อศาลว่าจะใช้เงินให้เต็มจำนวนกับค่าธรรมเนียมด้วยก็ดี หรือถ้าหาตัวเจ้าหนี้ไม่พบแต่ลูกหนี้ได้นำเงินเต็มจำนวนมาวางต่อศาลก็ดี ให้ถือว่าหนี้สินรายนั้นได้ชำระเต็มจำนวนแล้ว
(4) เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้แบ่งทรัพย์ครั้งที่สุดหรือไม่มีทรัพย์สินจะแบ่งให้แก่เจ้าหนี้แล้วต่อแต่นั้นมาภายในกำหนดเวลา 10 ปี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจรวบรวมทรัพย์สินของบุคคลล้มละลายได้อีก และไม่มีเจ้าหนี้มาขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จัดการรวบรวมทรัพยสินของบุคคลล้มละลาย
ผลของคำสั่งยกเลิกการล้มละลาย
1. กรณีที่ศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา 135 (1) และ (2)
1.1 แม้เจ้าหนี้จะไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ ลูกหนี้ก็ไม่หลุดพ้นจากหนี้สินดังกล่าว เนื่องจากกฎหมายมิได้ยกเว้นว่าหนี้ใดจะต้องหลุดพ้นเพราะคำสั่งยกเลิกการล้มละลาย จึงแปลได้ว่าหนี้สินทุกชนิดที่ลูกหนี้มีอยู่ก่อนฟ้องอย่างไร ก็คงเป็นหนี้อยู่เช่นเดิมอย่างนั้น ทำให้เจ้าหนี้มีสิทธินำมาฟ้องบังคับคดีได้ รวมถึงการนำมาขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายใหม่ด้วย
1.2 แม้ว่าทำให้ลูกหนี้ไม่หลุดพ้นจากหนี้สินแต่อย่างใด แต่ถ้าเจ้าหนี้มิได้นำหนี้ดังกล่าวไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ หรือเจ้าหนี้นำหนี้ดังกล่าวไปยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว แต่ได้ถอนคำขอรับชำระหนี้เสีย ต่อมาเจ้าหนี้กลับนำหนี้นั้นมาฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายอีก ศาลเห็นว่ามีเหตุไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายได้ (ดูฎีกาที่ 588/2535)
2. หากเป็นการยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา 135 (3) และ (4) ลูกหนี้ย่อมหลุดพ้นจากหนี้สินทั้งปวง ไม่นำบทบัญญัติมาตรา 77 มาใช้กับการยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา 135 (3) และ (4)
ที่มา เว็บไซต์ศาลล้มละลายกลาง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น