ลูกหนี้มอบโฉนดที่ดินให้เจ้าหนี้ยึดถือเป็นประกันเงินกู้ แล้วหลอกลวงเอาโฉนดที่ดินคืน (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2836/2564)
ผู้เสียหายเป็นผู้ครอบครองโฉนดที่ดินพิพาทของบิดาจำเลย โดยจำเลยนำมามอบให้ยึดถือเป็นประกันเงินกู้ตามสัญญากู้ยืมเงิน
แม้ผู้เสียหายในฐานะผู้ให้กู้ยืม จะไม่มีสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินพิพาทไว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 เพราะหนี้เงินกู้ยืมไม่เกี่ยวกับตัวโฉนดที่ดินพิพาท
แต่เมื่อข้อตกลงตามสัญญากู้ยืมเงิน ข้อ 4 ระบุว่าผู้กู้นำโฉนดที่ดินพิพาทมาให้ผู้ให้กู้ เพื่อเป็นหลักประกันการกู้ยืม อันเป็นข้อตกลงที่คู่สัญญาสมัครใจทำกันไว้ ซึ่งไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงเป็นบุคคลสิทธิบังคับกันได้ระหว่างผู้เสียหายกับจำเลย ย่อมมีผลทำให้ผู้เสียหายผู้ให้กู้มีสิทธิยึดถือทรัพย์ที่นำมาประกันไว้จนกว่าผู้กู้จะชำระหนี้ตามสัญญา
เมื่อจำเลยยังไม่ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนให้แก่ผู้เสียหายครบถ้วน จึงไม่มีสิทธิ์ขอคืนโฉนดที่ดินพิพาทจากผู้เสียหาย
การที่จำเลยมาขอรับโฉนดที่ดินพิพาทคืนไปจากผู้เสียหายโดยหลอกลวงว่าจะเอาโฉนดที่ดินพิพาทไปกู้ยืมเงินบุคคลอื่น แล้วนำเงินมาชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย จนผู้เสียหายหลงเชื่อมอบโฉนดที่ดินพิพาทให้จำเลยไป
แต่จำเลยไม่นำเงินมาชำระให้ผู้เสียหายตามข้อตกลง ทำให้ผู้เสียหายไม่มีหลักประกันยึดถือไว้ตามสัญญา ย่อมทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 แล้ว
ที่จำเลยนำสืบว่า มารับโฉนดที่ดินพิพาทคืนไปจากผู้เสียหายเพื่อนำไปวางประกันแก่เจ้าหนี้รายใหม่เป็นการเปลี่ยนเจ้าหนี้นั้น เห็นว่า หลังจากจำเลยได้รับโฉนดที่ดินพิพาทมาจากผู้เสียหาย จำเลยมากู้ยืมเงินจากนางสาว ค. โดยเอาโฉนดที่ดินพิพาทวางประกันหนี้ไว้ แต่จำเลยไม่ได้นำเงินมาชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย
และเมื่อผู้เสียหายมาทวงหนี้จำเลยกลับขับรถหนีไป จำเลยมิได้มีเจตนาชำระหนี้ให้ผู้เสียหายอย่างจริงจัง จึงมิใช่การเปลี่ยนเจ้าหนี้รายใหม่ พยานจำเลยที่นำสืบจึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ พิพากษาให้จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
ที่มา
- คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2836/2564 , ระบบสืบค้นคำพิพากษา คำสั่งคำร้องและคำวินิจฉัยศาลฎีกา
- ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 241 บัญญัติว่า "ผู้ใดเป็นผู้ครองทรัพย์สินของผู้อื่น และมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่ตนเกี่ยวด้วยทรัพย์สินซึ่งครองนั้นไซร้ ท่านว่าผู้นั้นจะยึดหน่วงทรัพย์สินนั้นไว้จนกว่าจะได้ชำระหนี้ก็ได้ แต่ความที่กล่าวนี้ท่านมิให้ใช้บังคับ เมื่อหนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนด
อนึ่งบทบัญญัติในวรรคก่อนนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้าการที่เข้าครอบครองนั้นเริ่มมาแต่ทำการอันใดอันหนึ่งซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย"
- ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 188 บัญญัติว่า "ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท"
แม้ผู้เสียหายในฐานะผู้ให้กู้ยืม จะไม่มีสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินพิพาทไว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 เพราะหนี้เงินกู้ยืมไม่เกี่ยวกับตัวโฉนดที่ดินพิพาท
แต่เมื่อข้อตกลงตามสัญญากู้ยืมเงิน ข้อ 4 ระบุว่าผู้กู้นำโฉนดที่ดินพิพาทมาให้ผู้ให้กู้ เพื่อเป็นหลักประกันการกู้ยืม อันเป็นข้อตกลงที่คู่สัญญาสมัครใจทำกันไว้ ซึ่งไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงเป็นบุคคลสิทธิบังคับกันได้ระหว่างผู้เสียหายกับจำเลย ย่อมมีผลทำให้ผู้เสียหายผู้ให้กู้มีสิทธิยึดถือทรัพย์ที่นำมาประกันไว้จนกว่าผู้กู้จะชำระหนี้ตามสัญญา
เมื่อจำเลยยังไม่ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนให้แก่ผู้เสียหายครบถ้วน จึงไม่มีสิทธิ์ขอคืนโฉนดที่ดินพิพาทจากผู้เสียหาย
การที่จำเลยมาขอรับโฉนดที่ดินพิพาทคืนไปจากผู้เสียหายโดยหลอกลวงว่าจะเอาโฉนดที่ดินพิพาทไปกู้ยืมเงินบุคคลอื่น แล้วนำเงินมาชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย จนผู้เสียหายหลงเชื่อมอบโฉนดที่ดินพิพาทให้จำเลยไป
แต่จำเลยไม่นำเงินมาชำระให้ผู้เสียหายตามข้อตกลง ทำให้ผู้เสียหายไม่มีหลักประกันยึดถือไว้ตามสัญญา ย่อมทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 แล้ว
ที่จำเลยนำสืบว่า มารับโฉนดที่ดินพิพาทคืนไปจากผู้เสียหายเพื่อนำไปวางประกันแก่เจ้าหนี้รายใหม่เป็นการเปลี่ยนเจ้าหนี้นั้น เห็นว่า หลังจากจำเลยได้รับโฉนดที่ดินพิพาทมาจากผู้เสียหาย จำเลยมากู้ยืมเงินจากนางสาว ค. โดยเอาโฉนดที่ดินพิพาทวางประกันหนี้ไว้ แต่จำเลยไม่ได้นำเงินมาชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย
และเมื่อผู้เสียหายมาทวงหนี้จำเลยกลับขับรถหนีไป จำเลยมิได้มีเจตนาชำระหนี้ให้ผู้เสียหายอย่างจริงจัง จึงมิใช่การเปลี่ยนเจ้าหนี้รายใหม่ พยานจำเลยที่นำสืบจึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ พิพากษาให้จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
ที่มา
- คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2836/2564 , ระบบสืบค้นคำพิพากษา คำสั่งคำร้องและคำวินิจฉัยศาลฎีกา
- ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 241 บัญญัติว่า "ผู้ใดเป็นผู้ครองทรัพย์สินของผู้อื่น และมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่ตนเกี่ยวด้วยทรัพย์สินซึ่งครองนั้นไซร้ ท่านว่าผู้นั้นจะยึดหน่วงทรัพย์สินนั้นไว้จนกว่าจะได้ชำระหนี้ก็ได้ แต่ความที่กล่าวนี้ท่านมิให้ใช้บังคับ เมื่อหนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนด
อนึ่งบทบัญญัติในวรรคก่อนนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้าการที่เข้าครอบครองนั้นเริ่มมาแต่ทำการอันใดอันหนึ่งซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย"
- ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 188 บัญญัติว่า "ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น