ลักษณะต้องห้ามของกรรมการหรือผู้จัดการสหกรณ์
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 ได้ออกระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ ว่าด้วยลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่เป็นหรือทำหน้าที่เป็นกรรมการหรือผู้จัดการของสหกรณ์ พ.ศ. 2566 โดยกำหนดลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่เป็นหรือทำหน้าที่เป็นกรรมการหรือผู้จัดการของสหกรณ์ไว้ ดังนี้
1. เป็นผู้ที่สหกรณ์ หรือนายทะเบียนสหกรณ์ หรือรองนายทะเบียนสหกรณ์ ฟ้องดำเนินคดี ในทางแพ่งหรือทางอาญาในข้อกล่าวหาที่กระทำให้สหกรณ์เกิดความเสียหาย (แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์ หรือดำเนินกิจการนอกขอบวัตถุประสงค์หรือขอบเขตแห่งการดำเนินกิจการที่จะพึงดำเนินการได้ของสหกรณ์อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่สหกรณ์) ซึ่งศาลได้รับฟ้อง หรือประทับรับฟ้องแล้ว หรือเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่สหกรณ์ในการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสหกรณ์
2. มีหรือเคยมีส่วนร่วมในการประกอบธุรกิจหรือการดำเนินกิจการใด ๆ อันผิดกฎหมาย ที่มีลักษณะเป็นการหลอกลวงผู้อื่นหรือฉ้อโกงประชาชน หรือเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด
3. เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย
4. เป็นผู้ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินประกาศรายชื่อให้เป็นบุคคล ที่ถูกกำหนดตามมาตรา 7 ของกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงิน แก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
ทั้งนี้ นับแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ (ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป) ให้กรรมการและผู้จัดการของสหกรณ์ที่มีลักษณะต้องห้ามตามระเบียบนี้ที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ให้อยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ไม่เกินวันประชุมใหญ่ของสหกรณ์คราวที่จะถึง โดยห้ามมิให้เข้าร่วมพิจารณาในเรื่องที่ตนมีส่วนได้เสีย
1. เป็นผู้ที่สหกรณ์ หรือนายทะเบียนสหกรณ์ หรือรองนายทะเบียนสหกรณ์ ฟ้องดำเนินคดี ในทางแพ่งหรือทางอาญาในข้อกล่าวหาที่กระทำให้สหกรณ์เกิดความเสียหาย (แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์ หรือดำเนินกิจการนอกขอบวัตถุประสงค์หรือขอบเขตแห่งการดำเนินกิจการที่จะพึงดำเนินการได้ของสหกรณ์อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่สหกรณ์) ซึ่งศาลได้รับฟ้อง หรือประทับรับฟ้องแล้ว หรือเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่สหกรณ์ในการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสหกรณ์
2. มีหรือเคยมีส่วนร่วมในการประกอบธุรกิจหรือการดำเนินกิจการใด ๆ อันผิดกฎหมาย ที่มีลักษณะเป็นการหลอกลวงผู้อื่นหรือฉ้อโกงประชาชน หรือเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด
3. เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย
4. เป็นผู้ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินประกาศรายชื่อให้เป็นบุคคล ที่ถูกกำหนดตามมาตรา 7 ของกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงิน แก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
ทั้งนี้ นับแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ (ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป) ให้กรรมการและผู้จัดการของสหกรณ์ที่มีลักษณะต้องห้ามตามระเบียบนี้ที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ให้อยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ไม่เกินวันประชุมใหญ่ของสหกรณ์คราวที่จะถึง โดยห้ามมิให้เข้าร่วมพิจารณาในเรื่องที่ตนมีส่วนได้เสีย
หมายเหตุ กรณีตามข้อ 1. บุคคลใดเพียงแค่ถูกฟ้องคดี ก็ถือเป็นลักษณะต้องห้ามในการเป็นกรรมการ/ผู้จัดการสหกรณ์ อาจเข้าข่ายเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เป็นประเด็นน่าสนใจในการศึกษา วิเคราะห์การจำกัดสิทธิเสรีภาพ ลักษณะต้องห้ามของกรรมการ/ผู้จัดการสหกรณ์ รวมถึงระยะเวลาการจำกัดสิทธิภายหลังผลคดีแพ่งหรืออาญา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น