ระยะเวลาการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรม (ศาลฎีกา)
การกำหนดระยะเวลาการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรมเป็นไปตามระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการกำหนดระยะเวลาการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรม พ.ศ. 2566 เว้นแต่มีกฎหมายกำหนดระยะเวลาไว้เป็นอย่างอื่น ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2566 เป็นต้นไป โดยในส่วนของศาลฎีกามีสาระสำคัญ ดังนี้
การพิจารณาพิพากษาคดีอาจล่าช้ากว่ากำหนดระยะเวลาข้างต้นได้ เนื่องจากการโอนสำนวนคดี การปรึกษาร่างคำพิพากษาตามระเบียบ การประชุมใหญ่ หรือความตกลงกันของคู่ความ เช่น การไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาท การรอฟังผลคดีอื่น หรือมีข้อขัดข้องอันเกิดจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือจากการดำเนินงานของหน่วยงานอื่นหรือบุคคลภายนอก เช่น การส่งหมายระหว่างประเทศ การทำแผนที่พิพาท การตรวจพิสูจน์พยานหลักฐาน หรือมีเหตุจำเป็นอื่นอันมิอาจก้าวล่วงได้
ระยะเวลาในการพิจารณาพิพากษาคดีในศาลฎีกา
(1) คดีแพ่งและคดีอาญา ศาลจะพิจารณาพิพากษาคดีให้แล้วเสร็จ ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รับสำนวนจากศาลชั้นต้น ในส่วนคดีอาญาที่มีปัญหาเฉพาะดุลพินิจในการลงโทษ ศาลจะพิจารณาให้แล้วเสร็จ ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่รับสำนวนจากศาลชั้นต้น
(2) คดีที่ต้องทำการไต่สวนหรือสืบพยานในศาลฎีกา ศาลจะพิจารณาพิพากษาคดีให้แล้วเสร็จ ภายใน 1 ปี นับแต่วันเริ่มไต่สวนหรือสืบพยาน
(3) คำร้องขออนุญาตฎีกา ศาลจะพิจารณาพิพากษาคดีให้แล้วเสร็จ ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้รับคำร้อง
ระยะเวลาในการพิจารณาคำร้อง คำขอระหว่างการพิจารณาในศาลฎีกา
(1) คำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลจะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ได้รับคำร้อง
(2) คำสั่ง คำร้องทั่วไป ศาลจะพิจารณาให้แล้วเสร็จ ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่ได้รับคำร้อง
การพิจารณาพิพากษาคดีอาจล่าช้ากว่ากำหนดระยะเวลาข้างต้นได้ เนื่องจากการโอนสำนวนคดี การปรึกษาร่างคำพิพากษาตามระเบียบ การประชุมใหญ่ หรือความตกลงกันของคู่ความ เช่น การไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาท การรอฟังผลคดีอื่น หรือมีข้อขัดข้องอันเกิดจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือจากการดำเนินงานของหน่วยงานอื่นหรือบุคคลภายนอก เช่น การส่งหมายระหว่างประเทศ การทำแผนที่พิพาท การตรวจพิสูจน์พยานหลักฐาน หรือมีเหตุจำเป็นอื่นอันมิอาจก้าวล่วงได้
ประธานศาลฎีกา ประธานศาลชั้นอุทธรณ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น หรืออธิบดีผู้พิพากษาภาค อาจกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จในการพิจารณาพิพากษาคดีบางประเภทเป็นอย่างอื่นได้ ตามลักษณะ สภาพ ซึ่งต่างจากคดีทั่วไป เช่น มีคู่ความหรือพยานหลักฐานจำนวนมาก รวมทั้งปริมาณงานที่อยู่ในความรับผิดชอบ เว้นแต่มีกฎหมายกำหนดระยะเวลาไว้เป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ในกรณีของศาลอื่นนอกจากศาลฎีกา ให้รายงานประธานศาลฎีกาทราบ
ในกรณีที่การดำเนินงานไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถทราบเหตุแหห่งความล่าช้าหรือตรวจสอบความคืบหน้าได้จากรายงานกระบวนพิจารณาของศาลในคดีนั้น โดยสอบถามได้ที่ศาล หรือทางโทรศัพท์ หรือทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (Court Integral Online Service : CIOS) หรือระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) หรือวิธีการอื่นใดในทำนองเดียวกัน ทั้งนี้ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมกำหนด
(หากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้ใช้ระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรมหรือระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ถือว่าการที่ศาลนำข้อมูลเข้าสู่ระบบดังกล่าว เป็นการแจ้งให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2565 แล้ว)
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือประชาชนสามารถตรวจสอบความคืบหน้าของการพิจารณาคดีได้ทางระบบติดตามสำนวนคดี (Tracking System) ทาง https://cios.coj.go.th/tracking/ หรือตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมกำหนด
ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลหรือสำนักงานประจำศาลของศาลที่พิจารณาคดี เป็นผู้รับผิดชอบในการรับเรื่องจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอันเนื่องมาจากความล่าช้าในการดำเนินการตามระเบียบนี้ ตรวจสอบความคืบหน้าของการดำเนินงานและแจ้งผลการตรวจสอบไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับเรื่อง พร้อมทั้งรายงานให้ผู้บังคับบัญชาและสำนักงานศาลยุติธรรมทราบด้วย
ดูเพิ่มเติม ระยะเวลาการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น