การลา 11 ประเภท


ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2555 ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ใช้กับข้าราชการ 4 ประเภท ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง และกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ แบ่งการลาออกเป็น 11 ประเภท ดังนี้

1. การลาป่วย
- ต้องเพื่อรักษาตัว
- โดยหลักต้องเสนอใบลาก่อนหรือในวันที่ลา (เว้นแต่จำเป็น ให้เสนอใบลาในวันแรกที่มาปฏิบัติราชการ)
- ถ้าป่วยจนลงชื่อในใบลาไม่ได้ ให้ผู้อื่นลาแทนได้ (แต่เมื่อสามารถลงชื่อได้แล้ว ให้เสนอใบลาโดยเร็ว)
- ลาได้เท่าที่ป่วยจริง
- ลาป่วย 30 วันขึ้นไป ต้องมีใบรับรองแพทย์ (แพทย์ซึ่งขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม) หรือกรณีจำเป็นหรือเห็นสมควร ผู้อนุญาตจะสั่งให้ใช้ใบรับรองแพทย์อื่นแทนก็ได้
- ลาป่วยไม่ถึง 30 วัน ผู้อนุญาตอาจสั่งให้มีใบรับรองแพทย์ หรือสั่งให้ไปรับการตรวจจากแพทย์ก็ได้

2. การลาคลอดบุตร
- เสนอใบลาก่อนหรือในวันที่ลา (เว้นแต่ไม่สามารถลงชื่อได้ จะให้ผู้อื่นลาแทนก็ได้ แต่เมื่อสามารถลงชื่อได้แล้ว ให้เสนอใบลาโดยเร็ว โดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์
- จะลาในวันที่คลอด ก่อน หรือหลังวันที่คลอดก็ได้ แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 90 วัน
- ถ้าลาคลอดบุตรคาบเกี่ยวกับการลาประเภทใดที่ยังไม่ครบกำหนดวันลา ให้ถือว่าการลาประเภทนั้นสิ้นสุดลง และให้นับการลาคลอดบุตรตั้งแต่วันเริ่มวันลาคลอดบุตร
- ถ้าลาคลอดบุตรและหยุดราชการแล้ว แต่ไม่คลอดตามกำหนด จะยกเลิกวันลาก็ได้ โดยให้ถือว่าวันที่ได้หยุดไปแล้ว เป็นวันลากิจส่วนตัว

3. การลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร
- ต้องเป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย
- เสนอลาใบก่อนหรือในวันที่ลา แต่ต้องอยู่ในภาย 90 วัน นับแต่วันที่คลอดบุตร
- คลอดบุตรครั้งหนึ่งให้ลาติดต่อกันได้ไม่เกิน 15 วันทำการ 
- ผู้อนุญาตอาจให้แสดงหลักฐานประกอบการอนุญาตก็ได้ (เช่น ใบสำคัญการสมรส , สูติบัตร)

4. การลากิจส่วนตัว
- เสนอใบลาก่อนลา เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จึงจะหยุดราชการได้ 
- ถ้าจำเป็นไม่สามารถรอรับอนุญาตได้ทัน ให้เสนอใบลาพร้อมระบุเหตุจำเป็นไว้ แล้วหยุดราชการไปก่อนก็ได้ แต่ต้องชี้แจงเหตุผลให้ผู้อนุญาตทราบโดยเร็ว
- ถ้ามีเหตุพิเศษ ไม่อาจเสนอใบลาก่อนลาได้ ให้เสนอใบลาพร้อมเหตุผลความจำเป็นทันทีในวันแรกที่มาปฏิบัติราชการ
- ผู้ที่ลาคลอดบุตรแล้ว หากจะลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตร มีสิทธิลาต่อเนื่องจากการลาคลอดบุตรได้ไม่เกิน 150 วันทำการ

5. การลาพักผ่อน
- ข้าราชการต่อไปนี้ที่ได้รับบรรจุเข้ารับราชการยังไม่ถึง 6 เดือน ไม่มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปี
  1) ผู้ที่ได้รับบรรจุเข้ารับราชการครั้งแรก
  2) ผู้ที่ลาออกจากราชการเพราะเหตุส่วนตัว แล้วต่อมาได้รับบรรจุเข้ารับราชการอีก
  3) ผู้ที่ลาออกจากราชการเพื่อดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้ง แล้วต่อมาได้รับบรรจุเข้ารับราชการอีกหลัง 6 เดือน นับแต่วันออกจากราชการ
  4) ผู้ที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการในกรณีอื่น นอกจากกรณีไปรับรับราชการทหาร และกรณีไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ แล้วต่อมาได้รับบรรจุเข้ารับราชการอีก
- เสนอใบลาก่อนวันลา เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จึงจะหยุดราชการได้ และผู้อนุญาตจะอนุญาตให้ลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งก็ได้ โดยไม่ให้เสียหายแก่ราชการ
- วันลาพักผ่อนประจำปี ในปีงบประมาณหนึ่ง 10 วันทำการ
- ถ้าปีใดไม่ได้ลา หรือลาแล้วแต่ไม่ครบ 10 วันทำการ ให้สะสมรวมเข้ากับปีต่อ ๆ ไปได้ แต่รวมกับปีปัจจุบันจะต้องไม่เกิน 20 วันทำการ
- ผู้ที่รับราชการติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี มีสิทธิสะสมวันลารวมกับปีปัจจุบันได้ไม่เกิน 30 วันทำการ
- ข้าราชการที่ประจำการต่างประเทศ ในเมืองที่กำลังพัฒนา ในภูมิภาคแอฟริกา ลาตินอเมริกา อเมริกากลาง หรือเมืองที่ความเป็นอยู่ยากลำบาก ภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ และที่มีสถานการณ์พิเศษ มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีหนึ่งได้เพิ่มขึ้นอีก 10 วันทำการ (เป็น 20 วันทำการ โดยไม่ให้นำวันที่ยังไม่ได้ลารวมเข้ากับปีต่อไป)
- ข้าราชการที่ปฏิบัติงานในสถานศึกษาและมีวันหยุดภาคการศึกษา หากหยุดภาคการศึกษาเกินกว่าวันลาพักผ่อนตามระเบียบนี้แล้ว ไม่มีสิทธิลาพักผ่อนอีก

6. การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพิธีฮัจย์
- เสนอใบลาก่อนวันอุปสมบทหรือก่อนวันเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ไม่น้อยกว่า 60 วัน (เว้นแต่มีเหตุพิเศษไม่อาจเสนอใบลาตามกำหนด ให้ชี้แจงเหตุผลความจำเป็น และให้อยู่ในดุลพินิจจะอนุญาตให้ลาหรือไม่ก็ได้
- ข้าราชการที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลาอุปสมบทหรือได้รับอนุญาตให้ลาไปประกอบพิธีฮัจย์แล้ว จะต้องอุปสมบทหรือออกเดินทางภายใน 10 วัน นับแต่วันเริ่มลา และต้องกลับรายงานตัวเข้าปฏิบัติราชการภายใน 5 วัน นับแต่วันที่ลาสิกขาหรือวันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทย ทั้งนี้ จะต้องนับรวมอยู่ภายในระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตการลา
ข้าราชการที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลาอุปสมบทหรือได้รับอนุญาตให้ลาไปประกอบพิธีฮัจย์และได้หยุดราชการไปแล้ว แต่มีปัญหาอุปสรรคทำให้ไม่สามารถอุปสมบทหรือไปประกอบพิธีฮัจย์ได้ เมื่อรายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติราชการและขอยกเลิกวันลา ให้ถือว่าวันที่ได้หยุดราชการเป็นวันลากิจส่วนตัว

7. การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล
- เมื่อได้รับหมายเรียกเข้ารับการตรวจเลือก ให้รายงานลาต่อผู้บังคับบัญชาก่อนวันเข้ารับการตรวจเลือก ไม่น้อยกว่า 48 ชั่วโมง
- ส่วนข้าราชการที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับการเตรียมพล ให้รายงานลาต่อผู้บังคับบัญชาภายใน 48 ชั่วโมง นับแต่เวลารับหมายเรียก
- รายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติราชการตามปกติต่อผู้บังคับบัญชา ภายใน 7 วัน (เว้นแต่มีเหตุจำเป็น อาจขยายเวลาได้ แต่รวมแล้วไม่เกิน 15 วัน)

8. การลาไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน
- เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงหัวหน้าส่วนราชการ ยกเว้นผู้ว่าราชการจังหวัด หรือหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรง เพื่อพิจารณาอนุญาต

9. การลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ
- เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับ จนถึงรัฐมนตรีเจ้าสังกัด เพื่อพิจารณาอนุญาต
- การลาที่มีระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี เมื่อปฏิบัติงานเสร็จให้รายงานตัวเข้าปฏิบัติหน้าที่ ภายใน 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดเวลา และรายงานผลเกี่ยวกับการลาไปปฏิบัติงานให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดทราบ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่กลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการ

10. การลาติดตามคู่สมรส
- เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรง เพื่อพิจารณาอนุญาต 
- ลาได้ไม่เกิน 2 ปี และถ้าจำเป็นอาจอนุญาตให้ลาต่อได้อีก 2 ปี แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 4 ปี
- ถ้าเกิน 4 ปี ให้ลาออกจากราชการ

11. การลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ
- เสนอใบลา พร้อมหลักฐานประกอบ เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จึงจะหยุดราชการได้
- ข้าราชการที่ได้รับอันตรายหรือป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่ จนตกเป็นผู้ทุพพลภาพหรือพิการ มีสิทธิลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพครั้งหนึ่งตามระยะเวลาในหลักสูตรที่ประสงค์จะลา แต่ไม่เกิน 12 เดือน
- ข้าราชการที่ได้รับอันตรายหรือป่วยเจ็บเพราะเหตุอื่น ถ้าผู้มีอำนาจสั่งบรรจุเห็นว่ายังสามารถเข้ารับราชการต่อไปได้ มีสิทธิลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพครั้งหนึ่งตามระยะเวลาในหลักสูตรที่ประสงค์จะลา แต่ไม่เกิน 12 เดือน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แนวข้อสอบ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

การส่งเด็กเข้าเรียนตามกฎหมาย

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.มาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ สารบรรณ (ชุดที่ 3)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542