พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2565 (มาตรา 32)
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป โดยเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 32 บัญญัติว่า
"ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(1) ตาย
(2) ได้รับอนุญาตให้ลาออก หรือการลาออกมีผลตามมาตรา 33 วรรคสองและวรรคสี่
(3) พ้นจากราชการตามมาตรา 8/1
(4) โอนไปรับราชการฝ่ายอื่น
(5) ออกจากราชการเพื่อไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
(6) ถูกสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 15
(7) ถูกสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 34 หรือมาตรา 35
(8) ถูกสั่งลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือให้ออก
การพ้นจากตำแหน่งตาม (1) (3) หรือ (8) ของข้าราชการตุลาการซึ่งมิใช่ตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ ถ้าเป็นการพ้นจากตำแหน่งตาม (2) (4) (5) หรือ (7) ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันออกจากราชการหรือวันโอน แล้วแต่กรณี"
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งและให้ผู้พิพากษาและตุลาการพ้นจากตำแหน่ง แต่ในกรณีที่พ้นจากตำแหน่งเพราะความตาย เกษียณอายุ ตามวาระ หรือพ้นจากราชการเพราะถูกลงโทษ ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ และมิได้กำหนดให้วุฒิสภาถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งแล้ว จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 ในส่วนที่เกี่ยวกับการนำความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง และการนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ รวมทั้งยกเลิกเหตุแห่งการพ้นจากตำแหน่งกรณีวุฒิสภามีมติให้ถอดถอนจากตำแหน่ง ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ที่มา / ดาวน์โหลดไฟล์ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2565
"ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(1) ตาย
(2) ได้รับอนุญาตให้ลาออก หรือการลาออกมีผลตามมาตรา 33 วรรคสองและวรรคสี่
(3) พ้นจากราชการตามมาตรา 8/1
(4) โอนไปรับราชการฝ่ายอื่น
(5) ออกจากราชการเพื่อไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
(6) ถูกสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 15
(7) ถูกสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 34 หรือมาตรา 35
(8) ถูกสั่งลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือให้ออก
การพ้นจากตำแหน่งตาม (1) (3) หรือ (8) ของข้าราชการตุลาการซึ่งมิใช่ตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ ถ้าเป็นการพ้นจากตำแหน่งตาม (2) (4) (5) หรือ (7) ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันออกจากราชการหรือวันโอน แล้วแต่กรณี"
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งและให้ผู้พิพากษาและตุลาการพ้นจากตำแหน่ง แต่ในกรณีที่พ้นจากตำแหน่งเพราะความตาย เกษียณอายุ ตามวาระ หรือพ้นจากราชการเพราะถูกลงโทษ ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ และมิได้กำหนดให้วุฒิสภาถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งแล้ว จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 ในส่วนที่เกี่ยวกับการนำความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง และการนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ รวมทั้งยกเลิกเหตุแห่งการพ้นจากตำแหน่งกรณีวุฒิสภามีมติให้ถอดถอนจากตำแหน่ง ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ที่มา / ดาวน์โหลดไฟล์ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2565
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น