จำเลยไม่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขคุมความประพฤติ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3785/2564)
คดีนี้สืบเนื่องมาจาก ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (4) , มาตรา 157 จำคุก 6 เดือน และปรับ 6,000 บาท ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลย 1 ปี โดยให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 12 ชั่วโมง และกำหนดเงื่อนไขให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหาย ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างจำเลยกับผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 มาตรา 30
ต่อมาจำเลยไม่ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปตามจำนวนและระยะเวลาตามบันทึกข้อตกลง ผู้เสียหายจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการลงโทษจำเลย
ศาลชั้นต้นนัดสอบถาม ผู้เสียหายให้โอกาสจำเลยผ่อนชำระค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย โดยนัดพร้อมตามระยะเวลาที่ตกลงกัน แต่จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายบางส่วนแล้ว ไม่ชำระอีก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขบันทึกข้อตกลง อันเป็นเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลย จึงให้เพิกถอนการคุมความประพฤติของจำเลยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีที่จำเลยไม่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายตามบันทึกข้อตกลงซึ่งศาลชั้นต้นกำหนดเป็นเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยไว้ เป็นกรณีที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติที่ศาลกำหนดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการคุมความประพฤติ และให้ลงโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้แก่จำเลย ดังนี้ จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งได้ และเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำพิพากษาแล้ว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ย่อมเป็นที่สุดตามพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. 2559 มาตรา 34 วรรคสอง จำเลยจะฎีกาไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยมานั้น เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย พิพากษายกฎีกาของจำเลย
ที่มา
- คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3785/2564. เนติบัณฑิตยสภา, หนังสือคำพิพากษาฎีกา ประจำพุทธศักราช 2564 ตอนที่ 6, หน้า 1600 - 1602
- พ.ร.บ.คุมประพฤติ พ.ศ. 2559
มาตรา 34 บัญญัติว่า
ต่อมาจำเลยไม่ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปตามจำนวนและระยะเวลาตามบันทึกข้อตกลง ผู้เสียหายจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการลงโทษจำเลย
ศาลชั้นต้นนัดสอบถาม ผู้เสียหายให้โอกาสจำเลยผ่อนชำระค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย โดยนัดพร้อมตามระยะเวลาที่ตกลงกัน แต่จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายบางส่วนแล้ว ไม่ชำระอีก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขบันทึกข้อตกลง อันเป็นเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลย จึงให้เพิกถอนการคุมความประพฤติของจำเลยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีที่จำเลยไม่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายตามบันทึกข้อตกลงซึ่งศาลชั้นต้นกำหนดเป็นเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยไว้ เป็นกรณีที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติที่ศาลกำหนดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการคุมความประพฤติ และให้ลงโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้แก่จำเลย ดังนี้ จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งได้ และเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำพิพากษาแล้ว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ย่อมเป็นที่สุดตามพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. 2559 มาตรา 34 วรรคสอง จำเลยจะฎีกาไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยมานั้น เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย พิพากษายกฎีกาของจำเลย
ที่มา
- คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3785/2564. เนติบัณฑิตยสภา, หนังสือคำพิพากษาฎีกา ประจำพุทธศักราช 2564 ตอนที่ 6, หน้า 1600 - 1602
- พ.ร.บ.คุมประพฤติ พ.ศ. 2559
มาตรา 34 บัญญัติว่า
"ในกรณีที่ศาลเห็นว่าผู้ถูกคุมความประพฤติไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเพื่อการคุมความประพฤติตามที่ศาลกำหนด หรือพฤติการณ์ที่เกี่ยวกับการคุมความประพฤติของผู้ถูกคุมความประพฤติเปลี่ยนแปลงไป และศาลได้มีคำสั่งแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาหรือคำสั่งเกี่ยวกับการลงโทษ ให้ศาลแจ้งให้พนักงานคุมประพฤติทราบ หากการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นเป็นผลร้ายแก่ผู้ถูกคุมความประพฤติมากขึ้น ผู้ถูกคุมความประพฤติมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นได้
คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด"
คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น