คดีซื้อขายออนไลน์ ฟ้องง่าย ไม่ต้องไปศาล ไม่ต้องมีทนายความ
การซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เมื่อเกิดปัญหาหรือข้อพิพาทขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่ได้รับสินค้า หรือได้ของไม่ตรงปก ผู้ซื้อก็สามารถฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง แผนกคดีซื้อขายออนไลน์ ได้ง่ายมาก ๆ ซึ่งโพสต์นี้ จะพาไปทำความรู้จัก "แผนกคดีซื้อขายออนไลน์" ให้มากยิ่งขึ้น (วันเปิดทำการของศาลแพ่งแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ ต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง) รับรองได้ว่าผู้ซื้อที่ถูกเอาเปรียบและไม่ได้รับความเป็นธรรม จะสามารถฟ้องคดีได้สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายอย่างแน่นอนครับ
1. ระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ
ศาลแพ่ง "แผนกคดีซื้อขายออนไลน์" เป็น "ระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ" คือ ตั้งแต่การยื่นฟ้อง เพียงแค่กรอกข้อมูล ระบบก็จะประมวลข้อเท็จจริง เปลี่ยนเป็นคำฟ้อง มีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ขายเพื่อต่อสู้คดี รวมถึงขั้นตอนการไกล่เกลี่ย การพิจารณาและพิพากษา การอุทธรณ์และฎีกา เป็นการดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งสิ้น ผู้ซื้อและผู้ขายจึงไม่ต้องเดินทางไปขึ้นศาล สะดวก รวดเร็วและประหยัดเวลามาก ๆ
2. ไม่ต้องจ้างทนายความ
ผู้ซื้อไม่ต้องจ้างทนายความและไม่ต้องมีความรู้ทางกฎหมาย ก็สามารถฟ้องคดีได้ เพียงแค่กรอกข้อมูลการซื้อขาย ซื้อของที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ เกิดปัญหาอะไรขึ้น จากนั้นจะมี "เจ้าพนักงานคดี" ช่วยตรวจสอบความสมบูรณ์ของคำฟ้อง ว่าครบองค์ประกอบความผิดหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบฐานข้อมูลจากภาครัฐและเอกชนที่มีการลงทะเบียนผู้ขายไว้ เพื่อระบุตัวจำเลยได้ถูกต้อง
3. ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล
คดีซื้อขายออนไลน์ถือเป็นคดีผู้บริโภค เมื่อยื่นฟ้องผู้ขาย/ผู้ประกอบการ จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลแต่อย่างใด
4. ไม่จำกัดทุนทรัพย์ในคดี
ไม่ว่าจะมีการซื้อขายสินค้าออนไลน์กี่บาทก็ตาม ก็สามารถยื่นฟ้องเป็นคดีซื้อขายออนไลน์ได้ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม หากผู้ซื้อต้องการจะฟ้องคดีแบบปกติ ก็สามารถยื่นฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดหรือที่ผู้ประกอบการมีภูมิลำเนาได้
สรุปได้ว่า คดีซื้อขายออนไลน์ มีข้อดีคือ สะดวก รวดเร็ว ประหยัด ผู้ซื้อและผู้ขายไม่ต้องเดินทางไปขึ้นศาล ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่าย ไม่ต้องใช้เอกสารเป็นกระดาษ โดยมีข้อจำกัดเพียงประการเดียว คือ คดีที่เกิดขึ้นต้องมาจากการซื้อขายออนไลน์เท่านั้น
1. ระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ
ศาลแพ่ง "แผนกคดีซื้อขายออนไลน์" เป็น "ระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ" คือ ตั้งแต่การยื่นฟ้อง เพียงแค่กรอกข้อมูล ระบบก็จะประมวลข้อเท็จจริง เปลี่ยนเป็นคำฟ้อง มีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ขายเพื่อต่อสู้คดี รวมถึงขั้นตอนการไกล่เกลี่ย การพิจารณาและพิพากษา การอุทธรณ์และฎีกา เป็นการดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งสิ้น ผู้ซื้อและผู้ขายจึงไม่ต้องเดินทางไปขึ้นศาล สะดวก รวดเร็วและประหยัดเวลามาก ๆ
2. ไม่ต้องจ้างทนายความ
ผู้ซื้อไม่ต้องจ้างทนายความและไม่ต้องมีความรู้ทางกฎหมาย ก็สามารถฟ้องคดีได้ เพียงแค่กรอกข้อมูลการซื้อขาย ซื้อของที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ เกิดปัญหาอะไรขึ้น จากนั้นจะมี "เจ้าพนักงานคดี" ช่วยตรวจสอบความสมบูรณ์ของคำฟ้อง ว่าครบองค์ประกอบความผิดหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบฐานข้อมูลจากภาครัฐและเอกชนที่มีการลงทะเบียนผู้ขายไว้ เพื่อระบุตัวจำเลยได้ถูกต้อง
3. ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล
คดีซื้อขายออนไลน์ถือเป็นคดีผู้บริโภค เมื่อยื่นฟ้องผู้ขาย/ผู้ประกอบการ จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลแต่อย่างใด
4. ไม่จำกัดทุนทรัพย์ในคดี
ไม่ว่าจะมีการซื้อขายสินค้าออนไลน์กี่บาทก็ตาม ก็สามารถยื่นฟ้องเป็นคดีซื้อขายออนไลน์ได้ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม หากผู้ซื้อต้องการจะฟ้องคดีแบบปกติ ก็สามารถยื่นฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดหรือที่ผู้ประกอบการมีภูมิลำเนาได้
สรุปได้ว่า คดีซื้อขายออนไลน์ มีข้อดีคือ สะดวก รวดเร็ว ประหยัด ผู้ซื้อและผู้ขายไม่ต้องเดินทางไปขึ้นศาล ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่าย ไม่ต้องใช้เอกสารเป็นกระดาษ โดยมีข้อจำกัดเพียงประการเดียว คือ คดีที่เกิดขึ้นต้องมาจากการซื้อขายออนไลน์เท่านั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น