การสร้างความพึงพอใจในทางเพศ เป็นอาการส่อไปในทางที่ไม่สมควรทางเพศ เป็นการกระทำอนาจาร
การแสดงความเอ็นดูรักใคร่ของครูผู้ชายซึ่งมีต่อเด็กนักเรียนผู้หญิงต้องเป็นไปอย่างถูกต้องตามกาลเทศะและใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด มิให้มีลักษณะอาการส่อไปในทางที่ไม่สมควรทางเพศได้ ซึ่งการกระทำอันไม่สมควรทางเพศก็ไม่จำกัดเฉพาะว่าจะต้องเป็นเรื่องในทางประเวณีหรือความใคร่เท่านั้น แม้เพียงสัมผัสใกล้ชิดเพื่อสร้างความพึงพอใจในทางเพศก็ถือว่าเป็นการไม่สมควรแล้ว โดยเฉพาะหากการกระทำนั้นเกิดขึ้นในที่ลับสายตา
พฤติการณ์ของจำเลยที่อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาโอบไหล่โจทก์ร่วมโดยมือทาบอยู่เหนือหน้าอกโจทก์ร่วมอย่างไม่มีเหตุผลที่สมควรต้องกระทำเช่นนั้นในขณะเมื่ออยู่กับโจทก์ร่วมตามลำพัง จึงยากจะเชื่อว่าเป็นการแสดงออกถึงความรักที่ครูมีต่อศิษย์ตามปกติ หากเป็นการฉวยโอกาสของจำเลยที่ได้รับรสสัมผัสจากเนื้อตัวร่างกายของโจทก์ร่วมมากกว่า บ่งชี้ชัดว่าจำเลยมีความพึงพอใจในทางเพศจากการได้อยู่ใกล้ชิดสัมผัสเนื้อตัวร่างกายเด็กนักเรียนหญิงซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นไม่ยินยอมและอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
ที่มา
- คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 837/2563
- ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 279 (เดิม) บัญญัติว่า "ผู้ใดกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรก ผู้กระทำได้กระทำโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้เด็กนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบห้าปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
#นักเรียนกฎหมาย
5 สิงหาคม 2563
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น