เสาโทรคมนาคมฯ สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิต
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) ได้มีความเห็นเรื่องเสร็จที่ 334/2561 เรื่อง เสาโทรคมนาคมและสายไฟเบอร์ของบริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ตามมาตรา 56 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชการอาณาจักรไทย หรือไม่
โดยมีความเห็นว่า กิจการใดจะเป็นสาธารณูปโภคหรือไม่ ต้องพิจารณาจากลักษณะของกิจการ ว่าเป็นกิจการเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป
เมื่อเสาโทรคมนาคมและสายไฟเบอร์ เป็นปัจจัยพื้นฐาน เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้ประชาชนผู้ใช้บริการ สามารถติดต่อหรือสื่อสารถึงกันได้ทางโทรศัพท์หรือทางเทคโนโลยีอื่น จึงต้องถือว่าเสาโทรคมนาคมและสายไฟเบอร์เป็นโครงสร้างหรือโครงข่ายขั้นพื้นฐาน
ประกอบกับในปัจจุบันการติดต่อสื่อสารระหว่างกันของประชาชน ตลอดจนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและการใช้เทคโนโลยีในการทำธุรกรรมเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ดังนั้น กิจการโทรศัพท์และการใช้เทคโนโลยีเพื่อการติดต่อสื่อสารถึงกัน จึงเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนที่รัฐมีหน้าที่ต้องจัดให้มีหรือดำเนินการให้มี ตามมาตรา 56 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และอยู่ในบังคับของมาตรา 56 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
บทบัญญัติดังกล่าวใช้เฉพาะกับทรัพย์สินที่เป็นของรัฐ โดยไม่กระทบถึงทรัพย์อย่างเดียวกันที่เป็นของเอกชน ซึ่งการที่เอกชนได้รับสัมปทานและสร้างโครงข่ายหรือจัดให้มีสายไฟเบอร์เป็นของตนเอง ย่อมทำได้ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเสาโทรคมนาคมและสายไฟเบอร์ซึ่งบริษัท TAC ได้โอนให้เป็นกรรมสิทธิ์ของ บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) จึงเป็นทรัพย์สินของรัฐที่เป็นโครงสร้างหรือโครงข่ายขั้นพื้นฐานของกิจการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน และไม่อาจตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชนหรือทำให้รัฐเป็นเจ้าของน้อยกว่าร้อยละ 51 ได้
ดังนั้น การขายกรรมสิทธิ์ในเสาโทรคมนาคมและสายไฟเบอร์ของบริษัท กสท.ฯ ให้แก่บริษัท เสาโทรคมนาคม และบริษัทสายไฟเบอร์ ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท กสท.ฯ น้อยกว่าร้อยละ 51 จึงไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา 56 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
อนึ่ง คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) มีข้อสังเกตว่า บริษัท กสท.ฯ มีหน้าที่ติดตามให้ได้คืนมาโดยรีบด่วน การละเลยปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไปหรือไม่ดำเนินการอย่างเข้มงวด ผู้ที่เกี่ยวข้องอาจต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาได้
หมายเหตุ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา 56 บัญญัติว่า "รัฐต้องจัดหรือดำเนินการให้มีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึงตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน
โครงสร้างหรือโครงข่ายขั้นพื้นฐานของกิจการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของรัฐอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนหรือเพื่อความมั่นคงของรัฐ รัฐจะกระทำด้วยประการใดให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชนหรือทำให้รัฐเป็นเจ้าของน้อยกว่าร้อยละห้าสิบเอ็ดมิได้
การจัดหรือดำเนินการให้มีสาธารณูปโภคตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง รัฐต้องดูแลมิให้มีการเรียกเก็บค่าบริการจนเป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร
การนำสาธารณูปโภคของรัฐไปให้เอกชนดำเนินการทางธุรกิจไม่ว่าด้วยประการใดๆ รัฐต้องได้รับประโยชน์ตอบแทนอย่างเป็นธรรม โดยคำนึงถึงการลงทุนของรัฐ ประโยชน์ที่รัฐและเอกชนจะได้รับและค่าบริการที่จะเรียกเก็บจากประชาชนประกอบกัน"
ที่มา เว็บไซต์กฤษฎีกา
#นักเรียนกฎหมาย
12 ตุลาคม 2561
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น