ผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.

          ระเบียบวาระการประชุม ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในวันพรุ่งนี้ (ครั้งที่ 59/2561 วันศุกร์ที่ 7 กันยายน 2561) มีการพิจารณา เรื่อง รายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ประจำปี พ.ศ. 2559 




          ผู้เขียนเห็นว่า เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. มีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญในกระบวนการยุติธรรม รักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสังคมในการปราบปรามยาเสพติด จึงได้นำบทสรุปสำหรับผู้บริหาร ผลการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ ปัญหาและอุปสรรค และข้อเสนอแนะ จากรายงานดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในกระบวนการยุติธรรมต่อไป ดังนี้

          การรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ประจำปี พ.ศ. 2559 ฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519 มาตรา 14 วรรคท้าย โดยให้รายงานข้อเท็จจริง ปัญหาอุปสรรค ปริมาณการปฏิบัติงาน และผลสำเร็จของการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เพื่อให้คณะรัฐมนตรีเสนอรายงาน พร้อมข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
          บทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว กำหนดให้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เป็นผู้มีบทบาทบังคับใช้กฎหมาย ในการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เหล่านี้ มาจากข้าราชการจากหลายส่วนราชการ ที่มีภารกิจด้านปราบปรามยาเสพติด โดยให้มีอำนาจเข้าค้นในเคหสถาน ค้นบุคคลหรือยานพาหนะ จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด ยึดหรืออายัดยาเสพติดหรือทรัพย์สิน ค้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา สอบสวนผู้ต้องหาคดียาเสพติด และเรียกบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานใดมาให้ถ้อยคำ หรือเรียกเอกสารมาตรวจสอบหรือประกอบการพิจารณา นอกจากนี้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ยังมีอำนาจตรวจหรือทดสอบหาสารเสพติดในร่างกาย (มาตรา 14 ทวิ) อำนาจขอให้บุคคลอื่นช่วยเหลือในการปฏิบัติหน้าที่ (มาตรา 14 ตรี) อำนาจเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร (การดักฟังโทรศัพท์) (มาตรา 14 จัตวา) รวมทั้งมีอำนาจดำเนินมาตรการในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในสถานประกอบการ (มาตรา 13 ตรี) เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ต้องปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบแผนงานด้านการควบคุมตัวยาและผู้ค้ายาเสพติด

          ผลการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ
          เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ใช้อำนาจในการปราบปรามผู้กระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519 มีผลการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ ปี พ.ศ. 2559 จำนวน 166,448 คดี ผู้ต้องหา 182,225 คน เป็นคดีไม่ทราบผู้กระทำความผิด 1,282 คดี จำแนกเป็นคดี
          - ยาบ้า 115,381 คดี ของกลาง 123.62 ล้านเม็ด 
          - ไอซ์ 15,154 คดี ของกลาง 2,331.4 กิโลกรัม 
          - เฮโรอีน 836 คดี ของกลาง 333.57 กิโลกรัม
          - โคเคน 63 คดี ของกลาง 54.57 กิโลกรัม
          - กัญชาแห้ง 10,122 คดี ของกลาง 33,234.07 กิโลกรัม
          - กัญชาสด 925 คดี ของกลาง 1,702.53 กิโลกรัม 
          - พืชกระท่อม 23,206 คดี ของกลาง 86,212.73 กิโลกรัม

          อย่างไรก็ตาม แม้ว่าที่ผ่านมานั้น ในการปราบปรามผู้กระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519 จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีก็ตาม แต่ยังคงประสบปัญหาหลายประการเช่นเดียวกัน กล่าวคือ
          ปัญหาและอุปสรรค
          1. ปัญหาด้านกำลังพลและการสับเปลี่ยนหมุนเวียนของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.
              1) เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. จากทุกหน่วยงานทั่วประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 15,097 ราย ถือเป็นจำนวนที่น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดทั่วประเทศ ซึ่งเทียบจากสถิติการจับกุมคดียาเสพติด ปี พ.ศ. 2559 (เฉพาะเมทแอมเฟตามีน) มีการจับกุมทั้งสิ้น 110,380 คดี ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนจำนวนเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. กับสถิติการจับกุมคดียาเสพติดดังกล่าว จึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากำลังพลของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ไม่เพียงพอที่จะรองรับการดำเนินภารกิจในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรมยาเสพติด ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
              2) หน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. มีการสับเปลี่ยนกำลังพลผู้ปฏิบัติการในระดับพื้นที่ เป็นผลทำให้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. บางส่วนถูกโยกย้ายออกจากพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของปัญหายาเสพติด นอกจากนี้ ในบางกรณีมีการเปลี่ยนหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ส่งผลให้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ดังกล่าว ขาดคุณสมบัติการเป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ตามที่ระเบียบกำหนด อันกระทบต่อกำลังพลของผู้บังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
              3) ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดพยายามหาวิธีการกำจัดเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้ขัดขวางการกระทำความผิดของตน โดยการกลั่นแกล้งร้องเรียนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ขาดความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ราชการ บั่นทอนขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่และการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาล ซึ่งกรณีดังกล่าวมักจะเกิดกับเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามกลุ่มเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ
          2. ปัญหาการใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.
          เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. มาจากหลายส่วนราชการ พื้นฐานความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ และคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดมีไม่เท่ากัน ส่งผลให้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. บางส่วนใช้อำนาจของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด จนถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอาญา ตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยจากการปฏิบัติหน้าที่ี หรือมีการใช้อำนาจของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. แต่ขาดการบูรณาการทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนขยายผล ทำให้เสียโอกาสในการจับกุมผู้กระทำความผิดรายสำคัญ หรือผู้เป็นนายทุนหรือผู้บงการอยู่เบื้องหลังการกระทำความผิด
          3. ปัญหาด้านเครื่องมือ/อุปกรณ์ในการทำงาน
          เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. บางส่วนราชการขาดเครื่องมือบางประการที่จะใ้ในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดคดียาเสพติด เช่น วิทยุสื่อสาร เสื้อเกราะกันกระสุนที่ใช้ไม่ทันสมัย หรือไม่ไม่เพียงพอต่อกำลังพลที่ต้องออกปฏิบัติหน้าที่ ยานพาหนะหมดสภาพการใช้งาน กล้องซุกซ่อน อุปกรณ์ติดตามตัวเป้าหมาย เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานขยายผลไปสู่ผู้กระทำความผิดรายใหญ่

          จากปัญหาอุปสรรคดังที่กล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่าล้วนเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดทั้งสิ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อให้การใช้อำนาจของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีข้อเสนอแนะเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวดังต่อไปนี้
          ข้อเสนอแนะ
          1. ด้านกำลังพลและการสับเปลี่ยนหมุนเวียนของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.
              1) สำนักงาน ป.ป.ส. ในฐานะที่เป็นหน่วยงานกลางซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแล และติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ทุกสังกัด เห็นควรมีการประสานหารือต้นสังกัดของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการในสังกัดให้เป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และชี้แจงทำความเข้าใจกับส่วนราชการต่างๆ ที่มีเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในสังกัด เกิดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องคุณสมบัติของผู้ซึ่งจะได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ที่ถูกต้อง ชัดเจน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งเอกสารหลักฐาน คำขอแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ขั้นตอนกระบวนการในการแต่งตั้ง เพื่อให้ส่วนราชการต้นสักัดได้ชี้แจงกับข้าราชการในสังกัดและหน่วยงานในระดับพื้นที่ที่รับผิดชอบภารกิจในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
              2) หน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ที่จะมีการสับเปลี่ยนเจ้หน้าที่ปฏิบัติการเข้าประจำพื้นที่ ควรพิจารณาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ี ความรู้ ความสามารถ ความเหมาะสมและจำนวนเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เพื่อให้เพียงพอต่อการบังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
          2. เกี่ยวกับการใช้อำนาจของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.
          เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. อยู่ภายใต้สังกัดของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมีจำนวนจำกัด ดังนั้น ควรศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมทั้งในส่วนของกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อมีอำนาจตามกฎหมายแล้ว สิ่งที่ต้องระมัดระวังในการปฏิบัติงานที่สำคัญ คือ กรอบการใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดในการปฏิบัติงาน มิใช่ว่ากฎหมายให้อำนาจใช้มาตรการต่างๆ ได้แล้ว จะทำอะไรก็ได้ทุกอย่างหาเป็นเช่นนั้นไม่ การปฏิบัติงานจะต้องเคร่งครัดในการใช้ การตีความและการปฏิบัติตามกฎหมาย
          นอกจากนี้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ควรใช้เทคนิคการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานแบบวิธีพิเศษ เนื่องจากความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เป็นความผิดที่แสวงหาพยานหลักฐานได้ยากลำบาก เป็นขบวนการในรูปแบบขององค์กรอาชญากรรม และมักมีการปกปิดซ่อนเร้น แปรสภาพและทำลายเส้นทางที่เจ้าพนักงานของรัฐสามารถเข้าถึงพยานหลักฐานได้เสมอ ถ้าใช้กระบวนการแสวงหาพยานหลักฐานที่เป็นไปตามหลักนิติธรรม กล่าวคือ ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น อาจเกิดความล่าช้าต่อการแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีได้ ดังนั้น เมื่อมีเหตุจำเป็นอาจจะต้องใช้มาตรการทางกฎหมายพิเศษ เช่น การอำพรางตัว การใช้มาตรการส่งมอบยาเสพติดภายใต้การควบคุม หรือการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เป็นต้น
          3. เกี่ยวกับเครื่องมือ/อุปกรณ์ในการทำงาน
          สำนักงาน ป.ป.ส. ควรสนับสนุนงบประมาณ หรือครุภัณฑ์วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย จากกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ส่วนเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ผู้ปฏิบัติการ ควรใช้เครื่องมือทางกฎหมายบางประการที่มีอยู่ให้มีศักยภาสพในการรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด เช่น การเข้าถึงระบบข้อมูลทางโทรศัพท์ หรือช่องทางการตรวจสอบข้อมูลทางการเงินควรใช้อำนาจของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ตามมาตรา 14 วรรคหนึ่ง (7) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519
          4. ด้านอื่นๆ
          หน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. จะต้องควบคุม กำกับ ดูแล และตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการใช้อำนาจปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างใกล้ชิด สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และให้คำปรึกษา แนะนำ และให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เมื่อเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. มีปัญหาอุปสรรคจากการใช้อำนาจของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. หรือถูกฟ้องร้องตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลย เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.

#นักเรียนกฎหมาย
6 กันยายน 2561



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แนวข้อสอบ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

การส่งเด็กเข้าเรียนตามกฎหมาย

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.มาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ สารบรรณ (ชุดที่ 3)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542