ห้ามผลิด นำเข้า หรือจำหน่ายอาหารที่มีไขมันทรานส์
มาตรการทางกฎหมายที่ใช้ในการควบคุมอาหารอย่างหนึ่ง คือ การกำหนดอาหารที่ห้ามผลิด นำเข้า หรือจำหน่าย เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในการบริโภคอาหารต่างๆ ตามมาตรา 6 (8) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ซึ่งกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย เพื่อประโยชน์ในการควบคุมอาหาร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจึงได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ. 2561 เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย โดยกำหนดอาหาร 2 ประเภท ต่อไปนี้ เป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย
1. น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน
2. อาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วนประกอบ
เนื่องจากปรากฏหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่า กรดไขมันทรานส์ (Trans Fatty Acids) จากน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially Hydrogenated Oils) ส่งผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยประกาศฉบับนี้ ให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข้อสังเกตของผู้เขียน
1. ประกาศกระทรวงฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับในวันที่ 11 ตุลาคม 2561
2. ผู้ที่ฝ่าฝืนผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายน้ำมัน/อาหารที่มีน้ำมันฯ (ไขมันทรานส์) ดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท (ตามมาตรา 50)
3. ไขมันทรานส์ คืออะไร สรุปจาก เว็บไซต์ BBC ไทย ได้ว่า ไขมันทรานส์ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อช่วงปลายศตวรรษที่ผ่านมา โดยการเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุลของน้ำมันพืช เพื่อทำให้น้ำมันพืชสามารถคงสภาพแข็งตัวหรือกึ่งแข็งกึ่งเหลว และมีอายุเก็บไว้ได้นานกว่าเดิม
มักพบได้ในอาหารและขนม เช่น เบเกอรี่ โดนัท ที่ใช้เนยขาว เนยเทียม ครีมเทียม หรือมาการีน เป็นส่วนผสม
เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะเพิ่มระดับไขมันเลว (LDL) และลดไขมันดี (HDL) ในเส้นเลือด ซึ่งนำไปสู่โรคหลอดเลือด โรคหัวใจ รวมถึงโรคเบาหวานอีกด้วย
โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 องค์การอนามัยโลก เรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกห้ามการใช้ไขมันทรานส์ ซึ่งพบว่ามีความเชื่อมโยงต่ออัตราการเสียชีวิตก่อนวัยหลายล้านราย
องค์การอนามัยโลกเชื่อว่า หากสามารถกำจัดไขมันทรานส์ให้หมดไปจากอุตสาหกรรมอาหารโลกภายในปี 2023 อาจช่วยรักษาชีวิตของประชากรโลกได้กว่า 10 ล้านคน
#นักเรียนกฎหมาย
11 สิงหาคม 2561
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น