การส่งเด็กเข้าเรียนตามกฎหมาย
การส่งเด็กเข้าเรียนในการศึกษาภาคบังคับ เป็นไปตาม "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การส่งเด็กเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. 2546" และ "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติสำหรับผู้ที่มิใช่ผู้ปกครองซึ่งมีเด็กที่มีอายุในเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับอาศัยอยู่" ออกตามความในพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษทางอาญา โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1. คำว่า "เด็ก" หมายถึง เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่ 7 จนถึงอายุย่างเข้าปีที่ 16 เว้นแต่เด็กที่สอบได้ชั้นปีที่ 9 ของการศึกษาภาคบังคับแล้ว
2. ผู้ปกครอง คือ
2.1 บิดามารดา
2.2 บิดาหรือมารดา ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง
2.3 ผู้ปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
2.4 บุคคลที่เด็กอยู่ด้วยเป็นประจำหรือที่เด็กอยู่รับใช้การงาน
3. ผู้ปกครองดังกล่าว มีหน้าที่ส่งเด็กเข้าเรียนในสถานศึกษาในวันแรกของการเปิดเรียนภาคต้น (ภาคเรียนที่ 1)
4. กรณีผู้ปกครองยังไม่ได้ส่งเด็กเข้าเรียนภายใน 7 วัน นับแต่วันแรกของการเปิดเรียนภาคต้น ถ้าสถานศึกษายังมิได้รับเด็กเข้าเรียน
4.1 สถานศึกษามีหน้าที่จะต้องแจ้งเตือนให้ผู้ปกครองทราบเพื่อให้นำเด็กมาเข้าเรียน และจะต้องรายงานให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทราบ
4.2 ให้ กศจ. หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำหนังสือแจ้งเตือนให้ผู้ปกครองส่งเด็กเข้าเรียนในสถานศึกษาทันที พร้อมแจ้งเตือนว่าถ้าไม่ส่งเด็กเข้าเรียน จะมีความผิดตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 คือ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
5. การผ่อนผันเด็กเข้าเรียนก่อนหรือหลังอายุตามเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ
5.1 ผู้ปกครองจะต้องส่งคำร้องต่อสถานศึกษาโดยตรง เพื่อให้สถานศึกษาพิจารณา
5.2 การพิจารณาต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการผ่อนผันให้เด็กเข้าเรียน ก่อนหรือหลังอายุตามเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2546 ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2546
6. เด็กจะหยุดเรียนเกินกว่าที่กำหนดไว้ดังต่อไปนี้ไม่ได้ เว้นแต่มีเหตุผลอันสมควร
6.1 ถ้าหยุดเรียนเกิน 7 วันในหนึ่งเดือน ให้สถานศึกษามีหนังสือแจ้งให้ผู้ปกครองส่งเด็กเข้าเรียนโดยพลัน
6.2 ถ้าหยุดเรียนติดต่อกันเกิน 5 วัน ให้สถานศึกษามีหนังสือแจ้งให้ผู้ปกครองส่งเด็กเข้าเรียนโดยพลัน
กรณีผู้ปกครองไม่ส่งเด็กเข้าเรียนตามที่ได้รับแจ้ง (ตามข้อ 6.1 และ 6.2) สถานศึกษาจะต้องรายงานให้ กศจ. หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทราบ แล้วแต่กรณี เพื่อดำเนินการให้เด็กเข้าเรียนหรือดำเนินการตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
7. กรณีย้ายเด็กไปเรียนในสถานศึกษาอีกแห่งหนึ่ง
7.1 ผู้ปกครองต้องแจ้งย้ายต่อสถานศึกษา เพื่อนำหลักฐานการเรียนไปแสดงต่อสถานศึกษาที่รับย้ายเด็ก
7.2 ให้สถานศึกษาที่รับย้ายเด็กแจ้งการรับย้ายเด็กไปให้สถานศึกษาเดิมทราบ พร้อมทั้งรายงานต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่สังกัด
7.3 ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แจ้งไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตท้องที่ที่ย้ายเด็กออกได้ทราบ เพื่อจำหน่ายออกจากทะเบียน
8. ให้สถานศึกษารายงานจำนวนเด็กในเกณฑ์บังคับที่มาเข้าเรียนเป็นประจำทุกปี ในวันทำการแรกของเดือนมิถุนายน ต่อ กศจ. หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
9. ผู้ใดที่มีเด็กอายุย่างเข้าปีที่ 7 ถึงอายุย่างเข้าปีที่ 16 มาอาศัยอยู่ด้วย และยังมิได้เข้าเรียนในสถานศึกษา ในระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ต้องแจ้งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทราบ แล้วแต่กรณี (เว้นแต่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3) ดังนี้
9.1 ให้แจ้งภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่เด็กอาศัยอยู่ด้วย โดยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรตามแบบที่กำหนดหรือแจ้งด้วยวาจาโดยตรงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้ที่ไม่แจ้งภายในเวลากำหนดหรือแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
9.2 แนบหลักฐานทะเบียนหรือสูติบัตร หรือหลักฐานทางการศึกษา หรือหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) ด้วย และให้ระบุจำนวนเด็กและสถานที่อยู่อาศัยที่สามารถติดต่อได้
ที่มา :
4. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 10/2559 เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค
กรณีเด็กอยากเรียนโรงเรียนเดิมแต่ครูให้เด็กย้ายไปเรียนที่อื่นฐานครูว่าเด็กดื้อแต่เด็กบ้างคนก็ดื้อกันหลายคนอยู่แล้วครูให้เขาย้ายโรงเรียนน้องเค้าอยู่ ป.5 จะขึ้น ป.6ครับพ่อกับแม่ไปขอทางโรงเรียนเขาก็ไม่ให้อยู่ต่อเราทำไงดีครับทางโรงเรียนให้ย้าย
ตอบลบโรงเรียนบังคับย้ายไม่ได้ครับ ส่งรายละเอียดเพิ่มเติมมาทาง e-mail นะครับ
ลบสอบถามค่ะน้องศึกษาอยู่ ร.ร. แห่งหนึ่ง จบ ม.2 ต้องการย้ายที่เรียน แต่ น้องเป็นนักกีฬา ร.ร. ติดเรื่องสัญญานักกีฬา ร.ร.ไม่สามารถทำเอกสารให้ออกได้ ต้องให้ ผู้ปกครองจ่ายค่าสัญญาก่อน (แต่น้องไม่ได้เรียนกีฬาฟรีนะคะ มีการจ่ายรายเดือนประจำ) แบบนี้ ผู้ปกครองต้อง ชำระค่าสัญญาให้กับ ร.ร.ไหมคะ เพื่อที่จะให้ ร.ร.ทำเอกสารไปต่อ ม.3 ที่อื่นให้ (ร.ร.ที่จะย้ายไปทำหนังสือตอบรับเด็กเข้าเรียนแล้วนะคะ)
ตอบลบโดยทั่วไป ถ้าเป็นสัญญาทุนกับโรงเรียน นักเรียนจะได้เข้าเรียนโดยไม่เสียค่าเทอมครับ ต่อมาหากมีการยกเลิกสัญญาทุน จะต้องจ่ายค่าเทอมคืนให้โรงเรียนครับ เคสนี้หากไม่เรียนต่อ ม.3 จะต้องจ่ายค่าเทอม ม.1 และ ม.2 ผมเข้าใจว่าน่าจะต้องจ่ายค่าเทอมคืน มากกว่าจะเป็นค่าสัญญากีฬานะครับ ถ้ามีสัญญาหรือข้อมูลเพิ่มเติม ส่งรายละเอียดมาทางอีเมล์ได้นะครับ
ลบขอสอบถามหน่อยค่ะ ลูกย้ายมาจากบ้านย่าที่ต่างจังหวัดเพื่อที่อยากมาอยู่กับแม่ แล้วย้าย รร.มาเข้า ม2 ที่ในอำเภอที่แม่อยู่ด้วย ทาง รร.ก็ขอดูเกรดเฉลี่ยก็โอเค ทำใบรับย้าย ทาง รร.เดิมก็ออกใบส่งตัวเรียบร้อยแล้ว พอถึงวันมอบตัวนักเรียน แม่ก็พาไปตามนัด ไปมอบตัวกับรอง ผอ. รร. แล้ว รอง ผอ.บอกว่าย้ายมาเรียน รร.นี้ต้องระวังเรื่องตบตีทะเลาะวิวาทนะ แล้วก็ถามขึ้นมาว่าถ้ามีเรื่องขึ้นมาจะทำยังไง ลูกตอบว่าบอกคุณครูค่ะแม่สอนมาแบบนี้ แล้วแม่ก็บอกไปว่าอยู่ใน รร.ยังไงก็ต้องบอกครูก่อน ถ้าครูไม่ตักเตือนไม่สนใจ ในเมื่อลูกโดนรังแกแม่ก็ต้องช่วยลูก รอง ผอ.พูดขึ้นมาว่า ถ้ารู้ว่ามีแม่สอนลูกแบบนี้ฉันไม่รับตั้งแต่แรก แม่ก็ปากไว ต่อกลับไปว่าก็ไม่ได้สน สนแต่ ผอ เพราะเขาคนเซ็นรับ แล้วลูกผิดอะไรทำไมถึงไม่รับ รอง ผอ.พูดขึ้นมาว่า ไม่ชอบหน้าแม่ ตอนนั้นยังค้างเอกสารทะเบียนบ้าน ก็ไปยื่นวันถัดมา พอไปยื่น รอง ผอ.บอกว่า ไม่รับ มีตัวเลือกในเขตคืออีก รร.เพราะอยู่ตำบลเดียวกัน ส่วน รร. ที่ไปยื่นย้ายก็อยู่ในอำเภอเดียวกันกับที่นักเรียนอยู่ ทำเรื่องส่งเอกสารย้ายตั้งแต่เดือนมีนา มาตามนัดทุกครั้ง เพิ่งมาบอกไม่รับตอนเดือนพฤษภา รร จะเปิดเทอมเหลือแค่3วันแล้ว แบบนี้ทำไงได้บ้างคะ
ตอบลบติดต่อ ผอ.รร.ครับ สอบถามเหตุผลที่ไม่รับเด็ก และร้องเรียนพฤติกรรมข้าราชการได้ครับ
ลบขอสอบถามหน่อยค่ะ ถ้าพ่อของเด็กไม่มาส่งลูกมาให้แม่เด็กพามาโรงเรียน แล้วเด็กไม่ได้ย้ายโรงเรียน แต่พ่อเด็กเอาไปเข้าที่อื่น โรงเรียนเก่าโทรมาถามว่าเด็กมาหรือยังค่ะ แม่จะมีความผิดไหมค่ะ
ตอบลบถ้าเด็กได้เข้าเรียนแล้ว แม่ก็ไม่มีความผิดครับ
ลบขออนุญาตขอคำแนะนำค่า ลูกเราตอนนี้อายุ5ขวบ อยู่ อ.2 ปัจจุบันยังเรียนอยู่ พื้นที่กทม. ครูทำร้ายร่างกายน้องยิกจนแขนน้องเขียว ถามแต่ไม่ยอมรับ เราเลยพาน้องไปพบคุณหมอรร.ตำตรวจ คุณหมอให้ความเห็นว่า แผลมีการเขียวช้ำจริงตามที่เราสันนิฐาน นอกจากไม่ยอมรับแต่โทษเด็กว่าเด็กเล่นซนเองพวกเขาไม่ได้ทำ อ้างว่าทายาเขียวให้เพราะเห็นว่าน้องเกา เราเลยไปลงบันทึกประจำวันไว้แต่ไม่ได้ตรวจกับคุณหมอชันสูตร เราสามารถขอเอกสารจากรพ.เพื่อเป็นหลักฐานการตรวจจากแพทย์ย้อนหลังได้ไหมค่า และล่าสุดน่องโดนดีดปากจนเลือดกบปากมาสองครั้งและน้องบอกคนเดิมที่ทำเขา เพราะ ไม่ยอมทำการบ้านและคุยในเวลาทำงานแบบนี้ทำอย่างไรดีค่าเพท่อนก็แกล้งน้องด้วยมีขนมก็แย่งหมด ผลัก พูดจาไม่ดีกับน้อง ทั้งที่เราดีกับที่รร.เสมอมาเข้าเรียนปีแรกค่าคิดว่าจะย้ายรร.แต่ขอจัดการครูขอคำแนะนำหน่อยค่ะpannalak2530@gmail.com
ตอบลบตอบข้อความทางอีเมลแล้วนะครับ
ลบลูกอายุ 14 แล้วยังไม่เคยเข้าเรียนในประเทศไทยลูกพูดภาษาไทยไม่ได้จะเริ่มเข้าเรียนโรงเรียนไทยได้ไหม
ตอบลบ1.ถ้าต้องการวุฒิ ติดต่อเรื่องเทียบวุฒิได้ครับ 2.ถ้าเรียนเพื่อสื่อสารภาษาไทย ควรเรียนที่ยืดหยุ่น นอกระบบ ตามอัธยาศัย ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ครับ หรืออาจต้องดูหลักสูตรที่จะไม่ทำให้นักเรียนเครียดหรือหนักเกินไปครับ
ลบขอสอบถามค่ะจะเอาเด็กอายุ9ปีเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาได้ไหมค่ะพอดีไปติดต่อที่โรงเรียนเขาไม่รับค่ะไปทางเขตเขาบอกให้ริปีหน้าค่อยไปสมัครใหม่ค่ะ
ตอบลบไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ทำให้เด็กสูญเสียโอกาส สามารถส่งเรื่องร้องเรียนเข้ามาที่กระทรวงศึกษาธิการได้เลยครับ
ลบนอกจากสำนักงานเขตแล้วยังติดต่อที่ไหนได้บ้างค่ะ
ตอบลบติดต่อสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดก็ได้ครับ ถ้าทุกหน่วยงานปฏิเสธ สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่านสายด่วนกระทรวงศึกษาธิการ 1579 ได้ครับ แจ้งข้อมูลได้เลยครับว่าโรงเรียนอะไร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาใด ปฏิเสธไม่รับเด็กเข้าเรียนครับ
ลบขออนุญาติสอบถามค่ะขอเล่าท้าวความก่อนน้องอายุ 13 ปีมาเข้าโรงเรียนที่ชลบุรีน้องเรียนไปจนจะจบม .1แล้วแต่ว่าน้องพ่อน้องไม่ให้น้องไปสอบด้วยเหตุผลที่ว่าน้องติดเพื่อนคิดว่าสอบแล้วก็ต้องติด 0 อยู่ดีไม่ผ่านหรอกเลยไม่ให้น้องไปสอบกับเพื่อนน้องก็เลยไม่จบแล้วพ่อก็พาไปสมัครเข้า.ม1ใหม่อีกโรงเรียนนึงในชลบุรีเหมือนกันแต่น้องก็เรียนได้3สัปดาห์ทางโรงเรียนก็ให้พักการเรียนเพราะน้องดูดบึหรี่ไฟฟ้าในห้องร้ำโรงเรียนและโดดเรียนทางโรงเรียนเลยให้น้องพักการเรียนไปก่อนไม่มีกำหนดจนกว่าจะหาโรงเรียนใหม่เข้าได้ซึ่งตอนนี้จะหมดเทอม 1 แล้วน้องยังหาโรงเรียนเข้าไม่ได้เลยเพราะโรงเรียนระแวกนี้เขาไม่รับเด็กกลางเทมอขอคำชีแนะด้วยค่ะจะทำยังไงพอจะมีทางไหนให้น้องได้เรียนให้ได้จบไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้บ้างไหมค่ะรบกวนขอคำชีแนะขอแนะขอวิธีการแก้ไขหน่อยค่ะ
ตอบลบถ้าต้องการเรียน โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สามารถติดต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชลบุรี ระยอง ได้ครับ หรือหากเป็นโรงเรียนในสังกัดท้องถิ่น ก็สามารถติดต่อกองการศึกษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ได้ครับ หรือหากต้องการให้น้องเรียนแบบยืดหยุ่น ไม่เครียดมาก ก็สามารถติดต่อสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดชลบุรี (กศน. เดิม)ได้ครับ
ลบสำหรับความเห็นส่วนตัวผมเกี่ยวกับการศึกษานะครับ น้องแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเรียนตามระบบหรือเรียนตามค่านิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โลกปัจจุบันและอนาคต นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้หลากหลายช่องทาง เรียนให้ยืดหยุ่น แล้วเลือกสิ่งที่นักเรียนสนใจเป็นพิเศษก็ได้ แต่ที่สำคัญจะต้องมีวุฒิการศึกษาพื้นฐานก่อน ไม่ว่าจะเรียนในระบบหรือนอกระบบก็ตาม เพื่อเป็นใบเบิกทางในการประกอบอาชีพต่างๆ ได้มากขึ้น อนาคตที่ใกล้ถึงนี้ กระทรวงศึกษาธิการกำลังดำเนินการธนาคารหน่วยกิต โดยให้ผู้เรียนไม่จำกัดอายุ สามารถเลือกเรียน สะสมความรู้ ประสบการณ์ แล้วเทียบโอนเพื่อให้ได้วุฒิการศึกษาครับ
ขอสอบถามนะคะ กรณีเด็กป.6 ไม่ยอมมาเรียน ติดตามและไปเยี่ยมบ้านทางผู้ปกครองไปแล้วให้พาเด็กกลับมาเรียน แต่ก็ไม่ยอมมา พอวันนี้จะมาขอลาออก บอกว่าจะพาเด็กไปบวชที่วัด ควรทำอย่างไรดีคะ พักการเรียนให้ก่อนได้ไหม แล้วกลับมาเรียนในปีการศึกษาหน้า
ตอบลบถ้าผู้ปกครองให้บวช ก็เข้ารับการศึกษาในรูปแบบสามเณรครับ
ลบพ่อพาเด็กไปย้าย รร แต่ถึงวันแม่เด็กไม่ยอมพาเด็กไป รร ใหม่ แบบนี้ทำอะไรได้บ้างครับ
ตอบลบติดต่อโรงเรียนปลายทางที่ย้ายไปครับ ถ้าย้ายเสร็จแล้ว ต้องพาเด็กไปโรงเรียนใหม่ครับ
ลบแม่เด็กทิ้งเด็กไปตั้งแต่แรกเกิดผมเป็นบิดารับรองบุตรแล้วเป็นคนเลี้ยงดูส่งเสียมาตลอด อยู่ๆแม่เด็กมารับเด็กไปจาก รร ขนาดทีกำลังสอบปลายภาคเรียน ผมต้องทำอย่างไรบ้างครับ ตอนนี้ขาดการติดต่อ รร. เปิดแล้วก้อยังไม่พาเด็กมาเรียน.
ตอบลบEmail a.kay.jr@gmail.com
ผมติดต่อกลับไปทางอีเมลแล้วนะครับ
ลบ